สวัสดีครับ blog นี้ผมตั้งใจว่าจะรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมได้ไปมาทั้งหมด ตลอดระยะเวลา 6 ปีกว่าๆที่เรียนอยู่ที่นี่ ผมกะว่าจะได้เป็น encyclopedia อักสักอัน (ผมเคยเขียนเกี่ยวกับอลาสก้าไปแล้ว) สำหรับคนที่ตั้งใจว่าจะมาเที่ยวอเมริกา และต้องการหาข้อมูลท่องเที่ยวแบบที่มีทั้งสถานที่มุมมหาชน และก็มุมอันซีนที่มีแต่ช่างภาพไปกัน เป้าหมายของผมคือ จะอยากให้ blog นี้เป็นที่รวมจุดที่ไม่ควรพลาด เวลาไปเที่ยวที่ต่างๆ จะได้พอมีไอเดียว่าควรไปไหนบ้าง และไม่พลาดว่าต้องไปเก็บจุดไหนบ้าง เพราะผมเองพลาดมาเยอะแล้ว เลยต้องไปซ้ำหลายๆรอบ
blog นี้จะเน้นฝั่ง west มากกว่า east นะครับ ต้องยอมรับว่าในสายตาช่างภาพแล้ว landscape ฝั่ง west มันสวยกว่าหลายเท่าเลย และก็คงเป็นงานเขียนที่ยาวที่สุดที่ผมเคยเขียนมาเลยทีเดียว ใช้เวลาเขียนสองเดือน ส่วนการรวบรวมข้อมูลก็ 6 ปี ตามช่วงเวลาที่ผมอยู่ในอเมริกานี่แหละครับ เรียนจบก็รวบรวมได้ครบพอดี ซึ่งกว่า blog นี้คลอดได้ก็ตอนที่ย้ายกลับมาอยู่ไทยแล้ว 55
บทความนี้ยาวมาก ผมจะซอยย่อยเป็นตอนต่างๆกันทั้งหมด 8 ตอน ตามรัฐต่างๆ สำหรับตอนนี้จะเริ่มที่รัฐ Washington สำหรับ link ตอนอื่นๆสามารถติดตามได้จากด้านล่างนี้ครับ
ตอนที่ 1: Washington
ตอนที่ 2: Oregon
ตอนที่ 3: California
ตอนที่ 4: Montana
ตอนที่ 5: Wyoming
ตอนที่ 6: Colorado
ตอนที่ 7: Nevada + Arizona
ตอนที่ 8: Utah
การเดินทาง
การเดินทางมาที่อเมริกา ผมแนะนำให้บินมาลงที่ Los Angeles เพราะมีตัวเลือกสายการบินเยอะที่สุด และนั่นทำให้ราคาถูกที่สุดด้วย อีกทั้งตั๋วเครื่องบินในประเทศที่ออกจากแอลเอก็ยังราคาถูกกว่าที่อื่นๆด้วย เพื่อนที่เมืองอื่นๆอิจฉาผมกันทุกคนครับ ผมบินไปอลาสก้า ราคาไปกลับไม่ถึง $300 จะไปชิคาโก้ก็ราวๆ $200 เท่านั้น แม้หลายๆคนที่ผมรู้จักที่มาสนามบินแอลเอจะบ่นกับความห่วยแตกของสนามบินที่นี่ก็ตาม แต่ถ้าทนต่อเครื่องไม่กี่ชั่วโมง แล้วแลกกับราคาที่ถูกกว่า ผมก็ทนได้ครับ 🙂
สำหรับการเดินทางในอเมริกา หนทางที่ดีที่สุดก็คือการขับรถเที่ยวเองครับ เพราะประเทศนี้ โดยเฉพาะตอนกลางประเทศ และทางตะวันตก ระบบขนส่งมวลชน ไม่ว่าจะเป็น รถไฟ รถประจำทางมันไม่ทั่วถึง และประเทศอเมริกาเองมันก็ใหญ่มากๆ ใช้เวลาเดินทางนานมาก ส่วนมากผมจะนั่งเครื่องบินเอา แล้วเช่ารถขับเองครับ บริษัทรถเช่าส่วนมากผมจะเลือกใช้ enterprise เพราะบริการดีมากและราคาไม่แพง ถ้าบริการดีสุดคงต้องเป็น hertz แต่ราคาก็จะแพงทีสุดด้วย บริษัทอื่นๆที่ระดับล่างลงมา เช่น budget, avis, alamo, national ก็ราคาจะถูกกว่านี้อีกนิดนึงครับ ขึ้นอยู่กับสถานที่รับรถเช่า และวันที่รับรถเช่าด้วยครับ ราคาจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ข้อดีคือรถเช่าที่นี่สามารถจองได้โดยไม่ต้องเสียค่าจองครับ ผมก็มักจะจองล่วงหน้าไว้ก่อน แล้วเชคราคาบ่อยๆ หากราคาลง ผมก็จองอันใหม่แล้วยกเลิกอันเก่าครับ เวบไซท์ที่ผมใช้หาราคารถเช่าคือ priceline.com แล้วผมก็เข้าไปจองในเวบของบริษัทรถเช่านั้นๆอีกทีครับ ในบางเส้นทาง ถ้าเช่ารถแบบทางเดียว ราคาอาจจะไม่แพงนัก อย่างเช่นระหว่างแอลเอไปซานฟรานซิสโก หรือแอลเอไปลาสเวกัส บางทีเผลอๆอาจจะถูกกว่าเช่าแล้วมาคืนที่เดิมครับ แต่บางบริษัทที่บางสนามบินก็อาจจะคิด drop off fee ซึ่งก็แพงเอาเรื่องอยู่ทีเดียว แต่เมื่อแลกกับค่าน้ำมันและค่าเสียเวลาแล้ว อาจจะคุ้มกว่าก็ได้
ผมจะแบ่งเป็นรัฐๆไปนะครับ มีทั้งหมด 9 รัฐคือ Washington, Oregon, California, Montana, Wyoming, Colorado, Arizona, Nevada, และ Utah
เริ่มจากรัฐทางบนซ้ายสุด นั่นคือ Washington นั่นเองครับ
Washington
เนื่องจากรัฐ Washington อยู่ติดทะเล และทั้งยังติดแคนาดา เลยมีความหลากหลายทั้งชายหาด ภูเขาสูง และป่าดิบชื้น ลักษณะจะมีความเขียวชอุ่มคล้ายคลึงกับป่าบ้านเรา (ที่ไม่ค่อยจะเหลือสักเท่าไหร่)ไล่ตั้งแต่ตะวันออกเป็นทุ่งหญ้าสลับภูเขา ไล่มาทางตะวันตกจะเป็นภูเขาสูงตามแนวเทือกเขา Cascade Range มีเมือง Seattle เป็นเมืองสำคัญ และไปทางตะวันตกสุดจะเป็นภูเขาสูงและป่าดิบชื้นอยู่บนเทือกเขา Pacific Coast Range
Mount Rainier (อ่านว่า เร-เนียร์) ภูเขาเด่นประจำรัฐ
รัฐ Washington มีเมือง Seattle เป็นเมืองหลัก จะว่าเป็นศูนย์กลางของรัฐก็ว่าได้ เป็นเมืองที่เที่ยวง่าย อาหาารอร่อย โดยเฉพาะอาหารทะเลต่างๆ ผมชอบ Clam Chowder ของที่นี่มาก มาทีไรจะชอบแวะร้านชื่อ Pike Place Chowder ทุกที แต่อากาศของ Seattle จะมีฝนแทบตลอดทั้งปี ยกเว้นในช่วงหน้าร้อนที่ฟ้าจะใสราวๆ 3-4 เดือน ตัวเมืองมี space needle เป็นเอกลักษณ์ มีจุดชมวิวสวยๆคือ Rizal Park และ Kerry Park โดย Rizal Park จะเห็น downtown และมี highway โค้งเป็นรูปตัว S สวยงามมาก ส่วน Kerry Park จะเป็นมุมยอดฮิตของที่นี่ เพราะจะเห็นทั้ง Space Needle, Downtown และถ้าอากาศเป็นใจ ก็จะเห็น Mount Rainier สุดคลาสสิคตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังสุด
Rizal Park แถวนี้ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่ควรไปคนเดียวนะครับ
Kerry Park มุมนี้ผมยังไม่เคยดวงดีได้ Mount Rainier เป็นฉากหลังกับเค้าซักที
ยอดเขา Mount Rainier ที่เห็นได้จาก Seattle นั้นตั้งอยู่ใน Mount Rainier National Park อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Seattle ตัวยอดภูเขามีหิมะตลอดทั้งปี และในเขตอุทยานจะค่อนข้างเดินทางลำบากในช่วงหน้าหนาว เพราะมีหิมะเยอะ โดยเฉพาะ Paradise Visitor Center ซึ่งจะปิดในช่วงหน้าหนาวครับ ผมแนะนำให้มาช่วงต้นเดือนถึงกลางเดือนสิงหาคม เพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้ป่าบานไปทั่วทั้ง Paradise visitor center และ Sunrise ด้วย รับรองว่าเดินเพลินแน่ๆครับ อย่าลืมมาเก็บแสงเช้าที่ Reflection Lake ด้วย
Reflection Lake
ทางตะวันตกของ Seattle ขับรถราวๆสองชั่วโมง Olympic National Park ก็เป็นอีกที่นึงที่สวยไม่แพ้กัน และเที่ยวได้ตลอดปี ที่นี่จะเป็นป่าดิบที่คล้ายกับดอยอินทนนท์ และก็มีชายทะเลสวยมากๆด้วย ที่ๆไม่ควรพลาดคือ Sol Duc จะมีลำธารสายเล็กที่เต็มไปด้วยมอส อยู่ก่อนถึง Sol Duc Falls และที่ Hoh Rainforest ไปแวะเดิน Hall of Moss trail ก็ฟินมิใช่น้อยเลยครับ
น้ำตกมอส อยู่ระหว่างทางไป Sol Duc Falls
Hall of Moss ได้เดินท่ามกลางต้นไม้ยักษ์เหล่านี้ ราวกับว่าเราได้หลุดไปอยู่ในยุคจูแรสสิคยังไงยังงั้นเลย
Olympic มีหาดสวยๆหลายที่ อย่างเช่น Rialto Beach ก็มีกองหินสวยๆกลางทะเลด้วย
ช่วงเดือนเมษายน จะมีเทศกาลดอกไม้ Skagit Tulip Festival แม้ว่าจะไม่อลังการเท่าฮอลแลนด์ แต่ที่นี่ก็ถือว่าเป็นที่ๆสวยอันดับต้นๆของอเมริกาครับ ส่วนมากผมจะขับรถเล่นตอนเช้าๆ สามารถจอดรถหลบข้างทาง และถ่ายรูปจากฟาร์ม local ได้เลย แต่ต้องถ่ายจากด้านนอก ไม่รุกล้ำเข้าไปในฟาร์มหากเจ้าของไม่อนุญาตนะครับ ที่นี่จะมีฟาร์มสองที่ที่จัดแสดงโชว์คือ Tulip Town และ Roozengaarde ช่วงเวลาที่แนะนำคือกลางเดือนเมษายนครับ ผมเคยมาตอนต้นเดือนแล้วดอกไม้มันยังไม่บานเลย 5555 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับอากาศในแต่ละปีว่าจะหนาวนานหรือเปล่า
Skagit Tulip Farm ตอนเช้าครับ บรรยากาศและความอลังการอาจจะสู้ฮอลแลนด์ไม่ได้ แต่ที่นี่ก็สวยงามไม่ด้อยไปกว่ากัน
อีกที่ที่ผมชอบมากๆในรัฐ Washington คือเนินเขาทางด้านตะวันออก เป็นที่รู้กันในชื่อ Palouse ครับ ลักษณะคล้ายๆกับ Tuscany ที่อิตาลี แต่จะเป็นเนินเขาอย่างเดียว สามารถขับรถมาจาก Seattle หรือจะบินไปลงที่ Spokane ก็ได้ แสงเช้าที่ Steptoe Butte State Park มันฟินมากๆเลยทีเดียว และนอกจากนี้ Palouse Falls State Park ที่อยู่ใกล้ๆกันก็สวยไม่แพ้กันเลย หากใครมีเวลาก็ขับรถเล่นรอบๆบริเวณนี้ได้ มีเนินเขาสวยๆที่เต็มไปด้วยทุ่งข้าวสาลีมากมาย ช่วงเวลาที่ดีคือปลายเดือนพฤษภาคม เนินเขาจะเป็นสีเขียว เรื่อยไปจนถึงปลายเดือนกรกฏาคม เนินเขาจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีทอง และจะมีดอก canola บานเป็นทุ่งด้วย และในช่วงปลายเดือนกรกฏาคมนี้จะเริ่มเป็นฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว หลังจากเดือนสิงหาคมก็จะเหลือแต่ดินเปล่าๆ ถ้าจะมา ต้องมาช่วงพฤษภาคมถึงกรกฏาคมครับ
บ้านเล็กๆซ่อนตัวอยู่กลางเนินทุ่งข้าวบาร์เลย์
บรรยากาศยามเช้าของที่นี่มันเรียบง่าย แต่ประทับใจมาก ผมไปที่นี่แทบทุกปี ไปมา 4 ครั้งแล้วครับ
บ้านแดง เวลาขึ้นมา Steptoe Butte ผมจะมองหาบ้านหลังนี้ก่อนทุกครั้งเลย
และนี่คือทุ่งดอก Canola ที่ผมพูดถึงครับ
ใกล้กันมีน้ำตกสวยๆชื่อ Palouse Falls
ในรัฐ Washington ยังมีสถานที่ที่เจ๋งๆอีกมากที่ผมยังไม่ได้ไป อย่างเช่น Mount Saint Helens ซึ่งจะมีดอกไม้ป่าบานช่วงเดือนมิถุนายน หรือแม้แต่ North Cascade National Park ซึ่งผมยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที ที่นี่มีภูเขาสวยๆอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า Enchantment Lakes ซึ่งต้องจอง permit ล่วงหน้ากันหลายเดือน
สรุปแผนที่ของรัฐ Washington กันซักนิดฮะ