Mini Hands-on Review – DJI Mini 3 Pro
รีวิวอัพเดตจากการใช้งานจริง ver 2023 จากการใช้งานจริงมา 8 เดือนเต็ม
ปี 2020 หรือปีที่แล้ว DJI ได้เปิดตัวโดรนตัวใหม่ เป็นรุ่นเล็ก Mini 3 Pro น้ำหนักแค่ 249 กรัม และต่อมาก็มีรุ่น Mini 3 รุ่นธรรมดา แต่สเปกไม่เล็กเลย กล้องก็อัพเกรดขึ้นมาก และปรับปรุง gimbal ใหม่ทำให้ถ่ายภาพแนวตั้งได้อีกด้วย ช่วงเปิดตัวใหม่ๆในเดือนพฤษภาคม ผมได้โอกาสได้นำโดรนตัวนี้ไปลองใช้แบบสั้นๆที่หมู่เกาะแฟโร โดยใช้ร่วมกับรีโมท DJI RC จอใหญ่จัดเต็ม ต้องขอบคุณทาง Zoomcamera ที่ให้โดรนไปทดสอบด้วยครับ
และนี่คือสรุป 9 ข้อจากประสบการณ์ใช้งานจริง กับโดรน DJI Mini 3 Pro ตัวนี้ครับ
น้ำหนักเบาเป็นจุดเด่นมาก พกพาสะดวก ขนาดเล็ก ใส่ในกระเป๋ากล้อง แทบไม่รู้สึกเลยว่าแบกโดรนเพิ่มอีกตัว
กล้องดี ไฟล์ดี ถ่ายช่วงที่แสงน้อยได้เพราะมีรูรับแสงกว้าง f/1.7 เราได้ลองถ่ายตอนช่วงหลังพระอาทิตย์ตกไปแล้ว ก็ยังพอได้ภาพสบายๆ ดัน ISO ไม่ต้องสูงมาก ขนาดหลังพระอาทิตย์ตกไปแล้วยังดัน ISO แค่ 400 ก็ถ่ายภาพได้สบาย และที่ ISO 400 ไฟล์ก็เนียนแบบใช้งานได้เลย ส่วน Highlight recovery ยังไม่ค่อยดีมากนัก หลังมีหลุดไฮไลท์บ้าง แต่ก็แก้ไขได้โดยการถ่าย bracket เอา
ย้อนแสง กดใบเดียว หลุด highlight กระจุย พอดึงกลับได้นิดหน่อย แต่ก็ไม่เนียนมาก
หลายคนอาจจะอยากรู้ว่าลำเล็กแบบนี้บินได้นิ่งไหม จากที่ลองบินมาก็สบายมาก คล่องตัว ปราดเปรียว และสู้ลมได้ประมาณหนึ่ง จากที่บินมา ฟิลลิ่งของความคล่องตัวใกล้เคียงกับการบิน Air2s เลย ซึ่งเกาะแฟโรถือว่ามีลมแรงหลายจุด ก็ยังพอบินได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดว่าลมแรงมากจนตัวเราปลิวแทบยืนไม่ได้ อันนี้ไม่แนะนำให้บินแน่นอน ความนิ่งยังสู้รุ่นพี่อย่าง DJI Air2s หรือ Mavic 3 ไม่ได้ เราได้ลองใช้สปีดประมาณ 1/15 ก็มีบางภาพที่เบลอ ต้องกดเผื่อๆมา อันนี้ก็อยู่ที่ลมด้วย แต่เพราะได้ f/1.7 ช่วยเรื่องแสงน้อยได้เยอะ
วีดีโอ ดีเยี่ยม เนื่องจากกล้องดี เซนเซอร์ดี ไฟล์วีดีโอก็ดี ถ่าย 4k 60fps ตามมาตรฐาน สามารถถ่าย color profile แบบ D-Cinelike ด้วย แต่ต้องออกตัวก่อนว่าเราไม่ใช่สายวีดีโอ ก็เลยยังไม่ได้ลองมากนัก
ถูกใจกับการชาร์จด้วย USB-C มากๆ ทริปนี้เรามีแบตแค่ก้อนเดียว (ไม่ได้ใช้แบต high capacity) ก็ไม่ค่อยเป็นปัญหา เพราะเสียบชาร์จในรถได้ บิน 1 ครั้ง ขับรถไปชาร์จไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็บินต่อได้ หรือจะเสียบ powerbank ก็ได้ บางจุดใช้เวลาเดิน hiking ประมาณ 1 ชั่วโมง พอถึงจุดถ่ายภาพก็บินต่อได้ทันที แต่ถ้ามีแบต high capacity นี่บินกันหลุดโลกไปเลย
การเชื่อมต่อกับรีโมท เร็วมาก แทบจะไม่ถึงนาทีก็เรียบร้อยพร้อมขึ้นบินได้ทันทีเลย (ไม่นับเวลาที่หา GPS) ไม่มีปัญหาต้อง calibrate GPS/compass เหมือนโดรนตัวก่อนๆที่เคยใช้
รีโมท DJI RC ตัวใหม่ จอใหญ่ สวย และคมชัดมาก ขนาดไม่ได้เป็นปัญหา เพราะน้ำหนักไม่มากนัก และใหญ่กว่ารีโมทรุ่นปกตินิดหน่อย ดูจาก interface น่าจะเป็น android สักรุ่นนึงครับ ตัวรีโมทต่อ wifi ได้ ทำให้การอัพเกรดต่างๆก็ทำได้ง่าย เรียกได้ว่าดีงามทุกอย่าง ข้อเสียที่นึกออกคือรู้สึกคือตัวคันโยกไม่มียาง ทำให้หลุดมือง่ายเวลาหมุนเพื่อติดตั้ง และการเปิดเครื่องค่อนข้างนาน ซึ่งผมเคยทำหลุดมือหล่นหายมาแล้ว แนะนำว่าต้องมีสำรองเก็บไว้นะครับ
พอได้บินโดยใช้รีโมท DJI RC ก็รู้สึกสะดวกมากขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาหยิบมือถือมาเชื่อมต่อ ตอนใช้มือถือบินโดรนจะไม่สะดวกเวลามีคนโทรเข้า รับสายไม่ได้ 55
ฝาครอบตัวกล้องและ gimbal ใส่ค่อนข้างยาก ช่วงแรกๆเก็บโดรนนานพอสมควร แต่พอใช้ๆไปก็จับจุดการใส่ได้ครับ
มาดูภาพตัวอย่างกันครับ
ปัจจุบัน ผมเองก็ซื้อโดรนตัวนี้ใช้เองแล้วตั้งแต่เดือนกรกฏา มันดีจริงๆ
หลังจากที่ซื้อใช้เอง ใช้มาพักนึง และซื้อ fly more kit plus เพิ่ม ก็มี comment เพิ่มเติมอีกครับ
✅ การถ่ายแนวตั้งได้ มันดีมากจริงๆ และโดรนตัวนี้เป็นไลน์อัพเดียวของ DJI ที่มีวางขาย ที่ถ่ายแนวตั้งได้ (นับรวมทั้ง mini 3 รุ่น pro และไม่มี pro) โดยเฉพาะการถ่ายวีดีโอแนวตั้ง ยังไงก็กินขาด เพราะถ้าไม่ใช้กล้องที่ถ่ายแนวตั้งได้ ก็คงต้องถ่ายแนวนอนมาก่อน แล้ว crop ทีหลัง ซึ่งมุมมองมันไม่เหมือนกัน
✅ พอได้แบตแบบ high capacity นี่บินกันจนลืมไปเลย บินกันไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมด บางทีก้อนเดียวผมบินได้ 2 flights ด้วยซ้ำ และชักจะเริ่มจะติดนิสัยว่าจะบินจนถึงแบตเหลือต่ำกว่า 30% เพราะมี 30% ก็ยังบินได้อีกพักใหญ่ๆ ถามว่าแบตบินนานมันไม่เกินพอหรือเปล่า คำตอบคือ เกินพอครับ แต่บางครั้ง ก็เป็นประโยชน์ในเรื่องความปลอดภัยด้วย เช่น ถ้าเราบินไปแล้วเจอสถานการณ์ที่กลับมาได้ลำบาก เช่น โดรนหาย สัญญาณหลุด หรือลมแรง การมีแบตที่บินได้นานๆ ก็ช่วยให้เรามีโอกาสแก้สถานการณ์ หรือมีโอกาสให้โดรนมีกำลังมากพอ มีเวลามากพอที่จะบินกลับได้มากกว่า
✅ พอมี fly more kit ก็จะได้แท่นชาร์จมาด้วย ซึ่งใช้ USB-C สะดวกมากๆ สามารถชาร์จในรถได้เลย กลายเป็นว่าต้องซื้อที่ชาร์จเสียบรถที่มี Watt สูงหน่อยเพื่อชาร์จโดรนได้เร็ว และมีสาย USB-C สองด้านแบบชาร์จเร็วไว้ด้วย พอเปลี่ยนจุดก็เอาแบตเข้าแท่นชาร์จ แล้วบินต่อได้เลยแทบจะ nonstop
ตอนนี้ในไลน์อัพของ Mini 3 มีทั้งแบบ pro และแบบธรรมดา สำหรับใครที่ลังเลว่าจะเอา Mini 3 Pro หรือ Mini 3 รุ่นธรรมดาดี ผมขอแนะนำให้ไปรุ่น Pro เลยครับ เพราะรุ่นธรรมดาไม่มีเซนเซอร์ด้านหลัง ซึ่งสำคัญมากๆ ทำให้รุ่น Pro บินง่ายกว่า ปลอดภัยกว่า ส่วนสเปกกล้องจะคล้ายกัน และแนะนำให้เอาแบบมีจอครับ เพราะสะดวกกว่าจริงๆ
ถามว่า 2023 โดรนตัวนี้ยังคุ้มอยู่ไหม ยังคุ้มครับ แม้ว่าโดรนตัวนี้จะเปิดตัวมาเกิน 9 เดืแนแล้ว สำหรับมือใหม่กับโดรนตัวแรก และช่างภาพที่บินโดรนเพื่อเปิดมุมมอง โดรนตัวนี้ยังเป็นโดรนที่ตอบโจทย์ดีมากสำหรับนักเดินทาง เพราะน้ำหนักเบา ไฟล์ภาพดีใช้งานได้ เหมาะสำหรับทำคอนเทนต์ลงมือถือถ่าย TikTok หรือ Reel เพราะถ่ายภาพและวีดีโอแนวตั้งได้ ไฟล์คุณภาพดีของโดรนตัวนี้ ยังใช้งานได้อีก 2-3 ปีอย่างสบายๆ
แต่ถ้าน้ำหนักไม่ใช่ปัญหา และอยากได้ไฟล์ดีจัดเต็ม แนะนำ Mavic 3 Classic ครับ เพิ่งเปิดตัวไม่นาน ราคาค่อนไปทางสูง แต่ไม่แพงเหยียบแสน
สรุป
โดยรวม โดรนตัวนี้คุ้มค่ามาก ทั้งราคาและน้ำหนัก ถ้าใครใช้ Mini 1-2 หรือ Mavic Air1, Air2 แนะนำให้อัพเกรดได้ เพราะกล้องดีขึ้นถูกใจ ส่วนแอดมินจะจัดเองแน่นอน 555 โดยเฉพาะการถ่ายแนวตั้งได้ ถูกใจสายวีดีโอโพสลง IG, Tiktok แน่นอน และเป็นโดรนตัวไม่กี่ตัวของ DJI ตอนนี้ที่ถ่ายแนวตั้งได้ ก่อนหน้านี้คือ Mavic Pro ตัวแรก
สเปกดุขนาดนี้ ไม่จัดไม่ได้แล้ว นานๆทีจะมีโดรนที่คุ้มค่าตัวขนาดนี้ และอย่าลืมจัดชุด fly more kit plus ที่เราจะได้แบตบินได้นานกว่า 40 นาที
แต่ถ้าใครอยากได้ไฟล์ดีๆ และไม่ซีเรียสเรื่องถ่ายแนวตั้ง ตอนนี้ Mavic 3 Classic เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากรับ