Mount Assiniboine เป็นภูเขาที่สวยโดดเด่น ยอดแหลมเหมือนกับ Matterhorn จนได้ชื่อเล่นว่าเป็น Matterhorn แห่งแคนาดา แต่เนื่องจากภูเขาลูกนี้ซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาลึก จึงไม่สามารถมองเห็นได้จากถนนใหญ่ Mount Assiniboine ตั้งอยู่ในอุทยานที่ชื่อว่า Mount Assiniboine Provincial Park แปลตรงตัวว่าอุทยานประจำจังหวัดนั่นเอง 5555 เนื่องจากภูเขาลูกนี้ซ่อนตัวอยู่กลางป่าเขา การเดินทางเข้าไปจึงมีสองวิธีคือ เดินครับ ระยะทางประมาณ 27 กม. (ไปกลับก็ 54 กม.) ถ้าเทียบว่าการเดินขึ้นภูกระดึงต้องเดิน 9 กม นั่นคือการเดินเท้าเข้าไปชม Mount Assiniboine นั้นเท่ากับการเดินไปกลับภูกระดึง 3 รอบครับ
สำหรับข้อมูลทั่วไปของอุทยานนั้นสามารถติดตามได้จากเวบไซท์ของทางการ หรือเวบไซท์ของ Assiniboine Lodge ซึ่งเป็นที่พักของเอกชนที่ได้รับสัมปทานโรงแรมในอุทยานแห่งนี้ครับ
จุดหมายของนักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดจะอยู่ที่ Lake Magog ซึ่งจะเป็นมุมที่เราสามารถเห็น Mount Assiniboine ได้อย่างเต็มที่ เป็นมุมที่สวย ด้านหน้าเป็นน้ำ ด้านหลังเป็นภูเขา ได้หลักฮวงจุ้ย 555 และตรงนี้เองก็เป็นที่ตั้งของ Assiniboine Lodge ด้วยครับ เดี๋ยวผมจะกล่าวถึงที่พักในตอนท้ายๆ
ว่ากันด้วยการเดินเท้าเข้าไปยัง Lake Magog นั้นมีสองเส้นทาง เส้นทางแรกคือการเริ่มเดินจาก Sunshine Village ski area เส้นทางนี้จะไกลกว่า เดินขึ้นลงมากกว่า และวิวสวยกว่า ระยะทางประมาณ 27.5 km แต่เดินจริงๆผมว่าประมาณ 29 km เพราะนับระยะทางที่เดินใน trail ของ ski area ด้วย ส่วนอีกเส้นทางนึงเริ่มเดินจาก Mount Shark Helipad เส้นทางนี้มีความลาดชันน้อยกว่า ระยะทางสั้นกว่า ราวๆ 26 km และวิวก็สวยน้อยกว่าด้วย นักท่องเที่ยวส่วนมากจะเลือกเส้นทางนี้กันเพราะเดินง่าย ทำเวลาได้ ราวๆ 9 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่เส้นจาก Sunshine Village นั้นต้องแวะค้างคืนนึงจะกำลังดี เพราะต้องเดินขึ้นเขาผ่าน mountain pass ซึ่งต้องใช้เวลาหน่อย หรือถ้าใครฟิตมากๆก็น่าจะเดินวันเดียวได้เลย
http://www.canadianrockies.net/assiniboine/map.html
สำหรับการเดินจาก Sunshine Village ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผมเลือกเดินนั้น จะตั้งต้นจาก parking lot ซึ่งอยู่ด้านล่าง และจะต้องนั่งรถ shuttle bus ซึ่งผมก็แนะนำให้นั่งเที่ยวแรกสุดเพื่อขึ้นไปบนเขา รถเที่ยวแรกออกเวลา 8am ผมก็แนะนำให้นั่งเที่ยวแรก จะได้มีเวลาเดินเยอะๆครับ ในเวบของ ski resort มีตารางรถบัสซึ่งจะออกทุกชั่วโมง ค่าโดยสารขาเดียวคนละ $16 ไปกลับ $27 ครับ (แพงเอาเรื่องอยู่) แต่ก็ถือว่าสะดวก เพราะมีรถบัสจาก Banff ด้วย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้เช่ารถมา เมื่อขึ้นไปบนเขาแล้ว จากจุดที่เล่นสกีของ Sunshine Village นี้จะมองเห็น Mount Assiniboine ได้แบบไกลมากๆๆๆๆ ไกลจนท้อเลยทีเดียว ในเวบของอุทยานมีแผนที่ที่ค่อนข้างละเอียดพอสมควรเลยครับ คร่าวๆคือเราจะเดินไต่ความสูงขึ้นไปเรื่อยๆจนถึง Citadel Pass และจากนั้นก็จะเดินราบๆ มีขึ้นลงบ้างนิดหน่อย ที่พักของนักท่องเที่ยวก่อนที่จะถึง Mount Assiniboine ที่นักเดินทางใช้จะมีสองจุดคือ Porcupine กับ Og Lake ตอนแรกผมก็แพลนว่าจะเดินกันหนึ่งวันและพักที่ Porcupine แต่พอเดินมาใกล้ถึงก็พบว่าตัว campground มันลงไปอยู่ในหุบ ต้องเดินแยกลงเขาไปอีกพอสมควร ก็เลยเกิดความขึ้นเกียจ เลยเดินยาวมันเสียเลย เพราะถ้าเดินลงไปพักวันนี้ พรุ่งนี้เราก็ต้องเดินขึ้นกลับมาอีก และก็ต้องเดินอีกยาวกว่าครึ่งทางไปถึง Lake Magog ตอนนั้นเกือบห้าโมงเย็นแล้ว ผมเลยตัดสินใจเดินไปอีก 10km จนถึง Og Lake เพราะคงมีเวลาอีกพักหนึ่งกว่าจะมืด ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตัดสินใจผิดหรือเปล่า ระยะทางมันก็ช่างไกลเสียเหลือเกิน น้ำดื่มก็เหลือไม่เยอะ แต่สุดท้ายผมกับเพื่อนๆก็กัดฟันมาถึงจนได้ มาถึงเกือบๆสามทุ่ม ก่อนมืดพอดี รวมระยะทางที่เดินวันนี้ราวๆ 23 km
จาก Og Lake เราสามารถเห็น Mount Assiniboine ได้ใกล้พอสมควร และจุดนี้ก็ค่อนข้างสะดวกมาก แคมป์อยู่ข้างทะเลสาบ น้ำใช้น้ำดื่มสะดวกมากๆ จาก Og Lake เดินไปที่ Lake Magog อีก 5km ซึ่งก็ไม่ไกลมาก เช้าวันนั้นผมเลยออกเกือบเที่ยง เดินอีกชั่วโมงกว่าๆ ผ่านทุ่งหญ้า เส้นทางราบตลอดทาง เดินกันสบายๆก็มาถึง Assiniboine Lodge กันแล้วครับ
แต่หากใครที่คิดว่าเดินไม่ไหว ที่ Assiniboine Lodge ก็มี Helicopter บริการครับ บินทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ผมคิดว่าถ้ามาวันศุกร์ถึงอาทิตย์จะลงตัวพอดี เพราะคร่อม weekend ด้วย จุดขึ้น helicopter จะมีสองที่คือ Canmore ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ก่อนถึง Banff และอีกที่คือ Mount Shark Helipad อยู่ไปทางใต้ของเมือง Canmore เลาะไปตาม spray lake ขับรถประมาณ 45 นาที ขับถนนลูกรัง ซึ่งไฟลท์ของ Canmore จะมีวันละเที่ยว และส่วนมากจะเต็มตลอด ส่วน Mount Shark มีได้หลายเที่ยวไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวแต่ละวันครับ ส่วนมากผมจะ request จอง Canmore ก่อน เพราะสะดวกกว่า ไม่ต้องขับรถไปกลับเป็นชั่วโมง ถ้าไม่มีก็เอา Mount Shark แทน สำหรับค่าบริการของ helicopter นั้นอยู่ที่ $155 ต่อเที่ยวถ้าบินจาก Mt.Shark หรือ $175 ถ้าบินจาก Canmore ข้อมูลทั้งหมดสามารถดูได้จากเวบไซท์ของ Assiniboine Lodge ครับ และการจองก็ผ่านทางอีเมล์ครับ
เมื่อเราเดินทางมาถึง Lake Magog ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Assiniboine Lodge แล้ว ตัวเลือกที่พักนั้นจะมีสามอย่างครับ ไล่จากแพงไปถูก ก็คือ
- Assiniboine Lodge คืนละ $300 ต่อคน (คงรู้กันดีว่าผมจ่ายไม่ไหว ฮาๆๆๆ) ราคานี้รวมอาหารสามมื้อแล้วครับ ที่นี่มีขายพวกเครื่องดื่มด้วยนะครับ โค้ก สไปรท์ น้ำเปล่า น้ำส้ม มีหมด และทุกๆวันตอนเวลาบ่ายสี่โมงเย็นก็จะมีชาร้อนๆ และเค้กบริการด้วย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะคนละ $8 ครับ การได้จิบชาและชมวิวภูเขา ขอบอกว่ามันฟินสุดๆเลยล่ะครับ
- ที่พักที่ราคาถูกรองลงมาคือ Naiset Hut ซึ่งก็มีหลายขนาด หลังใหญ่สุดรับได้หกคนครับ ตกคืนละ $25 ต่อคน ซึ่งก็ไม่แพงนัก เทียบกับความสะดวกสบาย มีเตาผิง มีหลังคาอย่างดีกันฝนและหิมะ มีเตียงนอน ฟูกแบบค่ายทหาร ไม่มีหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ฉะนั้นต้องเตรียมถุงนอนไปกันเองนะครับ และข้อดีที่ผมชอบมากๆ คือที่นี่จะมี cooking hut ให้ มีเตาแก๊สและน้ำประปาให้ใช้อย่างสะดวกสบายมากๆ ซึ่ง Naiset Hut ต้องจองล่วงหน้าเร็วหน่อยนะครับ วันแรกที่จะเปิดให้จองของปีนั้นๆจะอยู่ราวกลางเดือนมกราคมครับ ซึ่งจะต้องโทรจอง ผ่าน Assiniboine Lodge และแย่งชิงกันมากๆเลย
- Campsite คืนละ $10 ต่อคน เป็นตัวเลือกที่ถูกที่สุด Update ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา ต้องจองล่วงหน้าทางเวบ Discover Camping รายละเอียดอ่านได้จากเวบ BC Park
ตัว campsite จะเป็น tent pad เกลี่ยที่ให้ราบอย่างดี หากใครเลือกที่จะกางเตนท์ ตัว campsite จะอยู่ห่างจาก Assiniboine Lodge มาประมาณ 1 กม. ครับ เดินประมาณ 15 นาที ที่นี่มี cooking shelter เช่นกัน แต่จะไม่สะดวกสบายเท่ากับของ Naiset Hut รอบๆ campsite จะมีก๊อกน้ำให้สำหรับใช้ ถ้าจะดื่มหรือทำอาหารต้องต้มก่อนครับ แต่ก็ถือว่าสะดวกกว่าการที่ต้องเดินไปตักน้ำที่ทะเลสาบ
สำหรับจุดถ่ายรูปหลักๆที่ผมชอบ จะมีอยู่ 4 โซนหลักๆรอบๆ Lake Magog ครับ ทั้งสี่จุดสามารถเดินไปได้โดยไม่ยากนัก ยกเว้นจุดสุดท้าย จะต้องเดินขึ้นเขากันพอเรียกเหงื่อสักหน่อย ทุกจุดสามารถถ่ายได้ทั้งแสงเช้าและแสงเย็นครับ แสงจะเข้าคนละด้านของภูเขา นับเป็นข้อดีของ Mount Assiniboine เพราะมันวางตัวตามแนวตะวันตกเฉียงใต้-ตะวันออกเฉียงเหนือ จึงสามารถถ่ายได้ทั้งสองเวลาแม้จะถ่ายจากมุมเดียวกัน ถ้าเป็นแสงเช้า แสงจะเข้าด้านซ้าย ส่วนแสงเย็นจะเข้าด้านขวา
- ผมตั้งชื่อให้เป็น Grand View – จุดแรกนี้อยู่ด้านหน้า Assiniboine Lodge เลยครับ เรียกได้ว่าเป็นมุมรับแขก ตัว Lodge นั้นจะตั้งอยู่บนเนินเขา ส่วน Lake Magog จะอยู่ต่ำลงไปเบื้องล่าง ฉะนั้นจุดนี้จะเห็นภาพมุมกว้าง และเก็บภาพทะเลสาบได้อย่างเต็มที่ด้วย ถ้ามาช่วงหน้าร้อนก็จะมีพุ่มไม้เขียวๆไว้เป็นฉากหน้าอีกด้วย
- Lake Shore หรือจุดตรงริมทะเลสาบ Lake Magog นั่นเองครับ จุดนี้สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย เพียงแค่เดินเลาะลงมาตาม trail จาก Lodge ประมาณ 400 เมตรก็จะถึงริมทะเลสาบแล้วครับ แต่จุดนี้ต้องรอให้ลมสงบ ถึงจะได้ reflection ซึ่งก็ยากพอสมควรครับ บางวันลมแรงตลอดทั้งวันเลย ส่วนมากผมจะมาตอนเช้า เพราะจะได้เห็นหมอกลอยเหนือน้ำอีกด้วยครับ
- Small ponds จุดนี้อยู่ไม่ไกลจาก Lodge ครับ ให้เดินไปตามทางที่จะไป Og Lake หรือ Nub Peak ก็ได้ เดินไปสัก 200 เมตรก็จะเจอทางแยก ให้ไปทางซ้าย เดินต่ออีก 300 เมตรก็จะเห็นทางแยกซ้ายไป campground ถ้าตรงไปก็ไป Nub Peak ซึ่งก็เดินต่อไปทาง Nub Peak เลยครับ จะผ่านทุ่งหญ้ากว้างๆ จากตรงทางแยกเมื่อกี้มาไม่ไกล ก็จะเห็นบ่อน้ำใหญ่มากๆอันนึง แต่แอ่งนี้แห้งไปมากครับ ถ้าจะถ่ายภาพ reflection จะไม่ค่อยสวย จริงๆแล้วช่างภาพส่วนมากถ่ายจากอีกแอ่งน้ำนึงซึ่งซ่อนตัวอยู่ด้านหลังพุ่มไม้ของแอ่งที่แห้งๆนี่แหละครับ
เดินตัดพุ่มไม้ไปเลยก็จะเห็นบ่อไม่กว้างมาก ซักประมาณ 10-20 เมตรได้ แต่วิวสวยกินขาดเลย ผมมาถ่ายภาพ milky way ที่ตรงนี้ด้วย เพราะว่าบ่อน้ำนี้เล็ก น้ำเลยนิ่งมาก
นอกจากนี้ รอบๆแถวนั้นยังเป็นทุ่งหญ้าที่มีน้ำขังเยอะๆ สามารถหาฉากหน้าเล่นได้ไม่ยากเลย - The Nub จุดสุดท้ายคือจุดที่ผมชอบที่สุด และต้องขึ้นไปเหนื่อยที่สุดครับ หากหันหลังให้ Lodge ถ้ามองไปทางขวาก็จะเห็นภูเขาสูงๆลูกนึงที่โล้นๆไม่มีต้นไม้ขึ้น ภูเขานี้ชื่อ Nub Peak ผมเองไม่เคยเดินไปถึงยอดครับ จุดถ่ายภาพในเส้นทางของ Nub Peak จะมีสามจุด ไล่จากต่ำไปสูงคือ Niblet, Nublet, และ Nub peak (คนตั้งชื่อช่างคิดดีจริงๆ) หากได้ขึ้นไปถึง Nub Peak จะเห็นวิว 360 องศาเลยทีเดียว โดยส่วนตัวผมคิดว่าทั้ง Niblet และ Nublet ก็ค่อนข้างสวยแล้วครับ ไม่ต้องขึ้นไปไกลถึง Nub Peak เพื่อนผมได้ขึ้นไปถึง Nub peak เค้าบอกว่าทางยากมากๆ มีหลายช่วงที่เป็นเหวสองด้านเหมือนสันมีด และหินยังเปราะอีกด้วย ค่อนข้างอันตรายมากๆ หากขึ้นไปถ่ายภาพช่วงเย็นที่ด้านบน ตอนเดินกลับลงมาแบบมืดๆ คงเสียวมากๆน่าดู
ภาพจาก Nibletทั้ง Niblet และ Nublet สามารถเห็นวิว 270 องศาที่เห็นทะเลสาบสามแห่งคือ Lake Magog, Sunburst Lake, และ Cerulean Lake ได้ครบเลย และมี Mount Assiniboine ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ใครมาที่นี่ก็ต้องชอบครับ ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ไว้ดีจริงๆ ที่ Niblet จะอยู่ต่ำกว่า จะทำให้เห็น Sunburst peak ซึ่งเป็นภูเขาทางด้านข้างของ Mount Assiniboine เด่นกว่าตัว Mount Assiniboine เอง และที่ Niblet ก็มีกองหินเยอะมาก หาฉากหน้าได้ไม่ยากคัรบ ส่วน Nublet จะเป็นทุ่งหญ้าแห้งๆมากกว่า
ภาพจาก Nublet จะเห็นได้ว่า Mount Assiniboine อยู่สูงขึ้นมาอีกระดับนึงเมื่อเทียบกับภูเขาด้านข้าง ถ้าขึ้นไปถึง Nub Peak ซึ่งอยู่สูงกว่า Sunburst peak เราจะเห็น Mount Assiniboine ลอยขึ้นมาอยู่เหนือมวลมหาภูเขาทั้งหมดเลยครับ 🙂
หวังว่า blog ตอนนี้คงทำให้ทุกคนอยากไปแคนาดากันนะครับ ถ้ามีโอกาสได้มา Banff หรือ Jasper National Park แล้ว Mount Assiniboien Provincial Park เป็นอีกที่นึงที่ไม่ควรพลาดครับ