ช่วงนี้เราอยู่บ้าน ไม่เดินทางไปไหนมาได้เดือนกว่าๆแล้ว เชื่อว่าหลายๆคน รวมทั้งผม อยากออกเดินทางท่องเที่ยวกันสุดๆ แต่เราก็ต้องอดทนพยายาม social distancing กันให้ดีที่สุด ถ้าถามว่า หากตอนนี้ไม่มีสถานการณ์ COVID-19 แล้ว หรือหากสถานการณ์ทั่วโลกดีขึ้น คุณอยากไปที่ไหนมากที่สุด
ใน blog ตอนนี้ผมกับเน มาจัดอันดับสถานที่ที่ติดอันดับในใจตลอดกาล 10 อันดับของเราสองคน จากการเดินทางกว่า 10 ปีในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และยุโรปครับ
10) Maroon Bells
วิวที่สวย classic ที่สุดในโคโลราโดนี้อยู่ที่ Maroon Lake ขับรถไม่ไกลมากจากเมือง Aspen ประมาณสามสิบนาที เด็ดที่สุดต้องมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีครับ ที่นี่รายล้อมไปด้วยต้น Aspen สีเหลืองทอง และถ้าได้มาช่วงหิมะตกใหม่ๆ ยอดเขา Maroon Bells มีสีขาวแต่งแต้ม บวกกับลมสงบนิ่งๆได้เงาสะท้อนด้วย เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมเลย
มุมนี้ถ่ายง่ายมากๆ เห็นด้วยตาก็สวย เอาขึ้นเป็น wallpaper ได้สบายๆ
แนะนำให้มาช่วงเช้านะครับ ถ้ามาช่วงสายหลัง 8 โมง จะไม่สามารถนำรถส่วนตัวเข้ามาได้ ต้องนั่ง shuttle bus เข้ามาเท่านั้น และที่จอดรถด้านในมีน้อยมาก ควรมาแต่เนิ่นๆครับ
การเดินทาง บินมาลงที่สนามบิน Denver แล้วเช่ารถขับประมาณ 4 ชั่วโมง แวะนอนเมือง Aspen หรือ Snowmass
9) Reine
ภูเขาที่โดดเด่นของวิวนี้คือ Olstinden วิวของที่นี่ทำให้ทุกคนที่ได้เห็น แทบอยากจะตีตั๋วมา Norway และมาต่อที่ Lofoten เลยทีเดียว ช่วงเวลาที่สวยที่สุดผมยกให้ฤดูหนาว ช่วงกุมภาพันธ์และมีนาคม เป็นช่วง high season ของขาล่าแสงเหนือ และวิวแห่งนี้ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมของคนไทยมากๆในช่วงปีสองปีให้หลัง
ภูเขา Olstinden สามารถเห็นได้หลายมุมจากเมือง Reine หรือเกาะ Sakrisoy, Olenilsoya, Toppoya และ Hamnoy ซึ่งแต่ละเกาะก็จะได้มุมมองและบรรยากาศแตกต่างกันออกไป
การเดินทาง จากไทย บินมาลง Oslo แล้วต่อเครื่องมาลง Leknes จากนั้นเช่ารถขับมาที่ Reine เพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมงเราก็ได้เห็นวิวสวยๆนี้แล้ว แนะนำให้นอนที่แถวนี้ได้เลย มีบ้านพักชาวประมงมากมายทั้งที่ Hamnoy, Sakrisoy หรือ Reine
อ่านเพิ่มเติม COMPLETE GUIDE: เที่ยว LOFOTEN ฤดูหนาว
8) Dalton Highway
อันดับแปด ผมยกให้กับ Dalton Highway ที่อยู่ในรัฐอลาสก้า ถนนสายนี้เป็นถนนสายที่พิเศษมากๆ เป็นถนนสายเดียวในสหรัฐอเมริกาที่เชื่อมจากเมือง Fairbanks ไปเกือบถึงมหาสมุทรอาร์คติก ความพิเศษของมันไม่ได้อยู่ที่ความยาว แต่อยู่ที่ประสบการณ์เดินทาง ความสวยงามของสองข้างทางที่จะเปลี่ยนไปตลอดตั้งแต่เราเดินทางออกจาก Fairbanks เรื่อยไปจนถึง Tundra อย่าง Atigun Pass และ North Slope และตลอดเส้นทางเราก็จะเห็นท่อน้ำมัน Trans-Alaska Pipeline ความยาวกว่า 1,287 กิโลเมตร เชื่อมจากบ่อน้ำมันทางมหาสมุทรอาร์คติค ที่ต่อยาวไปจนถึงเมือง Valdez น้อยคนนักที่จะมีประสบการณ์ได้ขับรถบนถนนเส้นนี้
ผมมีโอกาสได้ขับรถบนถนนสายนี้มาแล้ว 3 รอบ ครบใน 3 ฤดูกาลคือ ฤดูร้อน ฤดูหนาว และฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และฤดูที่เราสองคนยกให้เป็นอันดับหนึ่งนั่นก็คือใบไม้เปลี่ยนสีนั่นเองครับ ใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่จะเปลี่ยนเร็วหน่อย คือช่วงปลายเดือนสิงหาคมก็จะ peak พอดี เราจะได้เห็นภูเขาทั้งลูกเปลี่ยนเป็นสีแดง ซึ่งเป็นพุ่มไม้เล็กๆที่เปลี่ยนสีแบบทุนดรา
นอกเหนือจากวิวที่เปลี่ยนไปตลอดทางแล้ว ความสนุกของเส้นทางนี้จะอยู่ที่การวางแผนครับ เพราะตลอดเส้นทางยาว 666 กิโลเมตร มีปั้มน้ำมันแค่ 3 ปั้มคือ Yukon Crossing, Coldfoot และ Deadhorse ซึ่งถ้าไปหน้าหนาว จะเหลือแค่ 2 ปั้มครับ ต้องวางแผนการเดินทางอย่างดีมากๆ ตอนนี้ถนนลาดยางไปค่อนข้างดีแล้วครับ จาก Fairbanks ไปถึง Wiseman เป็นลาดยางไปเกือบ 70% ทำให้การเดินทางง่ายขึ้นมาก แต่จาก Wiseman ขึ้นไปทางเหนือยังเป็นลูกรังอยู่
การเดินทาง บินลงเมือง Fairbanks แล้วเช่ารถขับ หลังจากนั้นก็แล้วแต่เราเลยว่าอยากจะแวะที่ใด แนะนำให้พักที่ Coldfoot หรือ Wiseman แต่ต้องจองล่วงหน้าครับ
หมายเหตุ บริษัทรถเช่าส่วนใหญ่จะห้ามนำรถมาขับบนถนนเส้นนี้ ดังนั้นเรามีตัวเลือกคือจะแบกรับความเสี่ยงเอง หรือเช่ารถจากบริษัท Go North Alaska แทน
ผมเองได้เขียนเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทางบน Dalton Highway ไว้สักพักแล้ว ไว้มีโอกาสผมจะมาเขียน blog ต่อให้จบครับ
7) Tre Cime
เตร ชิเม่ ภูเขาสามยอดที่โด่งดังของอิตาลี และเป็นภูเขาที่ผมชอบที่สุดในอิตาลีเลย ตัวภูเขานั้นรูปทรงสวยงามและยิ่งใหญ่มาก สามารถถ่ายได้จากหลายมุม และมี trail เดินได้รอบเป็นวงกลม จุดที่คนนิยมไปจะอยู่ใกล้ๆกับ Refugio Antonio Locatelli ซึ่งก็จะได้มุมอีกด้านนึง ถ้าให้ผมเลือกมุมที่ชอบที่สุดนั้นคงเป็นมุมที่ทะเลสาบเล็กๆที่ไม่น่าจะมีชื่อ อยู่ใกล้ๆกับกระท่อม Malga Langalm ที่มุมนี้เราจะได้เห็นด้านที่รับแสงอาทิตย์ตกในหน้าร้อนพอดี และเป็นมุมที่เห็นเงาสะท้อนสวยมากๆอีกด้วย
การเดินทาง บินลง Venice จะใกล้ที่สุด แล้วขับรถเพียง 2 ชั่วโมงมาที่เมือง Cortina d’Ampezzo ศูนย์กลางการเดินทางของแถบนี้ สามารถพักที่นี่เป็น base ได้เลย
6) Logan Pass, Glacier National Park
อุทยานแห่งชาติเกลเชอร์ ภูเขาที่นี่นั้นเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาร็อกกีที่ทอดยาวตั้งแต่แคนาดา ยาวไปจนถึงเกือบถึงประเทศเม็กซิโก เนื่องจากอุทยานแห่งนี้ติดกับประเทศแคนาดา ดังนั้นหน้าตาของภูเขาจะเหมือนทางแคนาดา มากกว่าทางตอนใต้ลงไปอย่างโคโลราโด และถ้าได้มาช่วงเดือนกรกฏาคม ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนรักดอกไม้ป่าเลยครับ โดยเฉพาะที่ Logan Pass นั้น หลังจากที่หิมะละลายหมด จะมีดอกไม้ขึ้นเยอะมากๆ
และถ้าใครชอบเดิน hike ตามเทรลต่างๆ ที่นี่ก็มี trail ให้เลือกมากมาย ถ้านับตัว highlight ก็จะมี Hidden Lake trail, Cracker Lake trail (ภาพล่าง), และ Iceberg Lke trail นั่นเอง ผมแนะนำว่าถ้ามีเวลาอยู่ที่ Logan Pass ให้มาช่วงเช้ากับช่วงเย็น คนจะน้อยกว่า และได้เพลิดเพลินกับดอกไม้ตลอดเส้นทางเลย แต่บางปีหิมะละลายช้า ดอกไม้อาจะบานช้าก็ได้นะครับ ถ้ามาปลายกรกฏาคมจะโอกาสสูงที่สุด
การเดินทาง หากบินจากไทยมาที่ Seattle แนะนำให้บินต่อมายัง Kalispell หรือ Great Falls แล้วเช่ารถขับ และนอนพักที่ St. Mary หรือ Swiftcurrent เป็น base
5) Dettifoss
น้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรปนี้อยู่ในประเทศไอซ์แลนด์ เป็นฉากเปิดอันโด่งดังของหนังเรื่อง Prometheus แม้ว่าน้ำตกนี้จะไม่ได้เป็นน้ำตกที่สูงที่สุด แต่หากวัดกันที่ปริมาณน้ำ Dettifoss ชนะขาดลอยในเรื่องความทรงพลัง ปริมาณน้ำอันมหาศาลที่ตกลงไปยังหน้าผาเบื้องล่าง และพลังของน้ำตกนี้ ทำเอาละอองน้ำกลุ่มยักษ์สามารถตีลอยสูงมาได้เกือบเท่าความสูงน้ำตกเลยทีเดียว
Dettifoss นี้แนะนำให้เข้าช่วงหน้าร้อนครับ เพราะการเดินทางจะไม่ยากลำบากเกินไป และปริมาณน้ำจะเยอะและทรงพลังเป็นพิเศษ
การเดินทาง บินมาลงที่ Keflavik สนามบินหลักของประเทศไอซ์แลนด์ และเช่ารถขับ ตัว Dettifoss จะอยู่ทางตอนเหนือ ต้องขับบรถนนลูกรังประมาณ 30 นาทีจากถนนเส้นวงกลม Ring Road สามารถพักที่เมือง Myvatn เป็น base ได้ และได้แช่น้ำร้อนสบายๆอีกด้วย
4) Tombstone Mountain
Tombstone นี่ผมยกให้เป็นภูเขาที่สวยรองลงมาจาก Patagonia เลย แต่ความยากความดิบนั้นระดับโหดกว่ามาก เพราะการเข้าไปนั้นมีสองทางเลือกคือ เดินเท้าเข้าไป 24 กิโลเมตร (ไปกลับก็คูณสอง) ข้ามภูเขาสูง 1 ลูก หรือเหมาเฮลิคอปเตอร์เข้าไป และในนั้นไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ มีลานกางเตนท์เล็กๆให้ กางได้ 10 เตนท์เท่านั้น ไม่มีไฟฟ้า เครื่องทำน้ำอุ่น และนอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาขวางกันระหว่างเรากับธรรมชาติแล้ว
ที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็คือ ที่นี่หมีกริซลี่ชุกชุมครับ 555 จะทำอะไร จะไปไหน ก็ต้องคอยระมัดระวังตัวเองตลอด อาหารก็ต้องทำกินเอง สนุกมากๆ และระมัดระวังไม่ให้อาหารอยู่ใกล้เตนท์เรา ไม่อย่างนั้นอาจจะมีแขกมาเยี่ยมโดยไม่ได้ตั้งใจ
ด้วยความที่ Wild ดิบๆ นี่แหละครับ คือความสนุก และความสุขอีกแบบที่เหมือนเราได้เข้าไปสู่ธรรมชาติดิบๆอย่างแท้จริง
Blog เกี่ยวกับการเตรียมตัวไปเที่ยวที่ Tombstone https://www.piriyaphoto.com/tombstonetrip/
การเดินทาง ถ้าเอาสะดวกสุดก็บินลง Whitehorse และเช่ารถขับมายังเมือง Dawson City อีกประมาณ 6 ชั่วโมง จากนั้นขับรถไปที่ Tombstone Visitor Center บนถนน Dempster Highway ซึ่งเป็นถนนลูกรังอีก 45 นาที แต่ถ้าใครจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ก็นั่งมาจาก Dawson ได้เลย หรือจะบินตรงจาก Whitehorse มายัง Dawson City ก็ได้ แต่การเช่ารถขับที่ Whitehorse จะสะดวกกว่า
3) Proxy Falls
ถ้าหากจะให้ผมยกน้ำตกที่ผมชอบที่สุดตลอดกาล ผมก็จะยกให้ Proxy Falls นั่นเองครับ ผมได้เห็นน้ำตกนี้ครั้งแรกจาก Wallpaper ของวินโดวส์สักรุ่นนึงจำไม่ได้ และตามหามานานมากว่ามันอยู่ที่รัฐ Oregon ประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง
น้ำตกแห่งนี้สวยที่สุดในช่วง Summer ประมาณเดือนกรกฏาคม เพราะปริมาณน้ำจะไม่เยอะเกินไป ผมเคยมาครั้งนึงตอนเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่หิมะกำลังจะละลาย ปรากฏว่าน้ำเยอะมาก ละอองน้ำเยอะจนถ่ายไม่ได้ และต้องกลับมาอีกครั้งในเดือนกรกฏาคม
การเดินทาง บินลงเมือง Portland แล้วเช่ารถขับประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งถึงจุดเริ่มเดินไปยังน้ำตก และเดินอีก 15 นาทีทางราบ เดินสบายๆครับ
2) Hawaiʻi Volcano National Park
สัมผัสพลังอันยิ่งใหญ่ของลาวาที่ไหลออกมาจากใต้พื้นพิภพ
อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะ Big Island ในรัฐฮาวาย ซึ่งเป็นเกาะที่ยังมีภูเขาไฟใหญ่ๆยังคุกกรุ่นอยู่ตลอด ก่อนหน้านี้ความฝันของผมอีกอย่างคือการได้เห็นลาวา และผมได้ทำมันสำเร็จตอนปี 2016-2017 นี้เอง ซึ่งเป็นช่วงที่มีลาวาไหลพอดี การจะมาดูลาวานั้นต้องติดตามข่าวตลอด เพราะลาวาไม่ได้มีเห็นได้ทุกช่วง ล่าสุดเพิ่งมีข่าวปะทุไปเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2018 ทำให้ลาวาไหลออกมาทำลายบ้านเรือนของคนในพื้นที่เสียหายไปมาก ถนนถูกตัดขาด และครั้งนั้นก็เป็นการปะทุครั้งใหญ่ เหมือนอัดอั้นมานาน จนทำให้ตอนนี้ลาวาอยู่ในช่วงหดตัวลงไปอีกสักพัก เราก็คงต้องรอติดตามข่าวต่อไปว่าลาวาจะออกมาอีกครั้งเมื่อไหร่ครับ
การได้เห็นลาวาอย่างใกล้ชิดนั้นต้องไปกับทัวร์ท้องถิ่น ซึ่งจะมีไกด์คอยดูแลความปลอดภัยให้กับเราตลอด หากลาวาไหลลงทะเลก็สามารถเข้าชมใกล้ๆทางเรือก็ได้เช่นกัน รอบที่ผมไปนั้นต้องเดินประมาณ 3-4 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับจุดที่มีลาวา ซึ่งก็เหนื่อยเอาการทีเดียว เพราะการเดินบนหินลาวาเปราะๆนั้นต้องระวังเป็นอย่างมาก แต่พอได้เห็นลาวาใกล้ๆแล้วมันฟินสุดๆ เหมือนได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ใต้เปลือกโลก มันมีพลังมากจริงๆ และพร้อมที่จะทำลายล้างทุกสิ่งได้ทุกที่ที่มันเคลื่อนที่ไป
การเดินทาง จากไทย บินไปลง Honolulu (มีหลายสายการบิน) แล้วบินต่อมาที่ Kona หรือ Hilo หรือบินตรงไปยัง Kona (มีเที่ยวบินตรง JAL จากโตเกียวนาริตะ) จากนั้นเช่ารถขับมาที่ตัวอุทยาน แนะนำให้พักที่ Hilo หรือ Pahua ซึ่งจะใกล้ตัวอุทยานมากกว่าครับ
อ่านเรื่องราวการตามล่าหาลาวา https://www.piriyaphoto.com/photographing-lava-in-hawaii/
1) Los Glaciers National Park
คงเดากันไม่ยากใช่ไหมครับ สำหรับวิวอันดับหนึ่งในใจของเราสองคน ย่อมเป็น Patagonia แน่นอน หลังจากที่นั่งครุ่นคิดกันว่า ระหว่างฝั่งชิลี ซึ่งมีพระเอกคือ Torres del Paine กับฝั่งอาร์เจนตินาที่มี Mount Fitz Roy เป็นตัวเอก เรายกให้ Mount Fitz Roy เป็นอันดับหนึ่งในใจ ซึ่งภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานที่ชื่อว่า Los Glaciers National Park นั่นเอง
การจะเห็นยอด Fitz Roy นั้นเห็นได้หลายจุดมากๆ เราแค่ตั้งต้นจากเมือง El Chalten ขับรถออกไปนอกเมืองแค่ 10 นาทีก็เห็นวิวสวยงามจากถนนที่เข้าเมืองได้ง่ายๆแล้ว หากใครเป็นสาย trek ให้เลือกเดินเส้น El Chalten – Laguna Capri – Poincenot – Laguna de Los Tres ก็จะมีอีกหลายจุดชมวิวให้ชื่นชม Mount Fitz Roy ได้ตลอดเส้นทางเลยทีเดียว
การเดินทาง จากประเทศไทย บินลง Buenos Aires แล้วต่อเครื่องบินในประเทศมายัง El Calafate จากนั้นจะเช่ารถ หรือนั่งรถประจำทางมาที่ El Chalten อีกสามชั่วโมง และที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับสองเท้าของเราว่าอยากจะพาตนเองไปชื่นชมความงามที่จุดไหน
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สิบอันดับของผมและเน แต่สถานที่สวยๆในโลกยังมีอีกมากให้เราไปค้นหา และมีอีกหลายๆที่ที่เราสองคนยังไม่ได้ไป
ขอบคุณที่ช่วยกันอยู่บ้าน stay home เพื่อเราจะได้มีโอกาสออกเดินทางกันอย่างมั่นใจอีกครั้ง ช่วงนี้เราเก็บเงิน เก็บพลัง เก็บวันลา ปล่อยให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู และการเดินทางครั้งใหม่ของเราจะมีความสุขและประทับใจกว่าที่เคยเป็นมาครับ
You must be logged in to post a comment.