อเมริกามีอุทยานแห่งชาติกว่า 59 แห่ง แต่ในบทความนี้ ผมจะกล่าวถึงอุทยานแห่งชาติในอเมริกาที่ผมเคยไปทั้งหมด 20 แห่งนะครับ (ราวๆหนึ่งในสามพอดี) ซึ่งก็น่าจะครอบคลุมอุทยานหลักๆเกือบหมดแล้ว
1. Acadia National Park, Maine
Acadia นี่ลักษณะภูเขาเหมือนเมืองไทยบ้านเราเลยครับ ถ้าถามผม ผมค่อนข้างจะเฉยๆกับ landscape ของที่นี่ แต่ถ้านึกถึงจุดเด่นล่ะก็ ต้องเป็นช่วงหน้าใบไม้เปลี่ยนสี หรือ Fall ครับ ที่รัฐ Maine นี้ใบไม้เปลี่ยนสีสวยทุกที่ (Vermont และ New Hampshire ก็สวยเหมือนกัน) และใน Acadia ก็สวยไม่แพ้ที่อื่นๆเช่นกัน ช่วงที่แนะนำคือต้นเดือนตุลาคมครับ ประมาณสัปดาห์แรกหรือสัปดาห์ที่สองครับ
2. Arches National Park, Utah
ตากล้องส่วนมากจะนิยมไป Arches กันช่วงปลายฤดูหนาวครับ แต่ก็มีอีกมากที่ชอบมาฤดูหนาว มาสัมผัสบรรยากาศหิมะที่มันช่างตัดกับหินสีแดงๆได้ลงตัว ช่วงที่แนะนำคือตั้งแต่กันยายน ไปจนถึงเมษายนครับ ถ้าอยากได้หิมะจริงๆ เลือกมาธันวาคมและมกราคมเลยครับ จุดถ่ายภาพแนะนำก็แน่นอนว่าต้องเป็น Delicate Arch (อันนี้เดินเหนื่อยหน่อย), Turret Arch, Double Arch ครับ ถ้ามาช่วงหน้าร้อน เดือนกรกฏาและสิงหา อากาศจะร้อนมากครับ แต่สามารถถ่ายทางช้างเผือกได้ และช่างภาพหลายๆคนก็ชอบมาทำ light painting ที่นี่ครับ
3. Bryce Canyon National Park, Utah
โดยส่วนตัว ผมชอบ Bryce Canyon ที่มีหิมะมากๆครับ พอมีหิมะแล้วมันดูลงตัวดี ถ้าอยากได้หิมะ มาช่วงเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงกุมภาพันธ์ก็จะได้เห็นสมใจครับ และที่นี่ตอนเช้าหนาวมากๆด้วย ผมเคยเจออากาศ -20C มาแล้ว แม้จะเป็นกลางเดือนพฤศจิกายนก็ตาม จุดถ่ายภาพแนะนำคือ Bryce Point และ Sunset Point สำหรับถ่ายแสงเช้าครับ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม Sunset ให้ถ่ายแสงเช้า ผมว่ามันสวยกว่า Sunrise Point จริงๆครับ ฮาๆ
4. Canyonlands National Park, Utah
อุทยานแห่งนี้ไม่ค่อยเห็นคนไปกัน ทั้งๆที่ผมว่า Canyon ของที่นี่สวยกว่า Grand Canyon เสียอีก ที่นี่อยู่ใกล้กับ Arches National Park ครับ สามารถมาควบคู่กันได้เลย จุดที่เป็น the must คือ Mesa Arch ซึ่งต้องถ่ายแสงเช้าเท่านั้น และผมมาที่นี่สามรอบ ก็ยังไม่ได้ภาพแสงเช้าซักที เจอแต่พายุหิมะครับ T_T ใกล้ๆกันยังมี Death Horse Point State Park ที่งามมากๆ ถ่ายแสงเช้าครับ ผมว่าแค่ State park นี้ก็สวยกว่า Grand Canyon แล้วครับ
5. Capitol Reef National Park, Utah
ผมได้มีเวลาแวะเที่ยวอุทยานนี้ไม่นานนักครับ ยังเก็บข้อมูลไม่ได้มาก ที่นี่เที่ยวยากพอสมควร เพราะจุดสวยๆต้องเดินเยอะครับ
6. Death Valley National Park, California
แม้ว่าชื่อของอุทยานนี้จะฟังดูไม่ค่อยน่าเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่ที่นี่ก็มี landscape ของทะเลทรายที่หลากหลายมากๆ ตั้งแต่ sand dunes ผลึกเกลือ แคนยอน เรื่อยไปจนถึง racetrack รอยหินเลื่อนได้ (ที่มีข่าวว่ามีคนไปเหยียบเสียเละ) Death Valley เป็นอุทยานที่ผมไปบ่อยมากเป็นอันดับสอง (รองจาก Yosemite ครับ) ข้อที่ควรหลีกเลี่ยงที่แน่ๆคือ เลี่ยงไปในหน้าร้อนครับ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงกันยายนเลย ที่ผมนิยามหน้าร้อนของที่นี่ไว้เสียกว้างขนาดนี้ เพราะที่นี่เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในอเมริกา และยังร้อนที่สุดอีกด้วย ในหน้าร้อนอุณหภูมิอาจจะไต่ขึ้นไปสูงถึง 120F หรือเกือบๆ 50 องศา ผมเคยไปช่วงกลางเดือนสิงหาคม ผมแวะเข้าไปถ่ายแสงเย็นอย่างเดียว ขนาดตอนสามทุ่ม อุณหภูมิยังมากถึง 107 F (41.5 C) เลยทีเดียว ไม่อยากนึกภาพเลยว่าตอนกลางวันมันจะร้อนตับแตกขนาดไหน จุดถ่ายภาพหลักๆคือ Badwater Basin (แสงเย็น), Zabriskie Point (แสงเช้า) และ Mesquite Flat Sand Dunes (แสงเช้าหรือเย็น) ครับ เนื่องจากอุทยานนี้มีขนาดที่ใหญ่มากๆ การเดินทางด้วยรถยังต้องใช้เวลานานกว่าจะไปถึงจุดๆนึง และช่วงกลางวันจะไม่ค่อยสวยนัก แต่ถ้าได้แสงดีๆช่วงเช้าและเย็นจะสวยมาก ช่วงกลางวัน ช่างภาพก็มักใช้เวลานี้ “นอน” ครับ 555 หรือไม่ก็สำรวจ location เพื่อจะได้ไม่พลาดในตอนเย็นครับ ที่นี่มันกว้างจริงๆ แค่ badwater จะหามุมดีๆอาจจะใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมงครับ
7. Denali National Park, Alaska
ที่นี่เป็นอุทยานที่รักธรรมชาติมากๆ มีถนนเส้นเดียว และปิดไม่ให้รถส่วนตัวเข้าไปครับ การเดินทางจึงจำกัดอยู่แค่บริการรถ shuttle bus ของอุทยานเท่านั้น ฤดูที่ผมชอบที่สุดคือช่วง Fall ซึ่งจะมีทุ่งหญ้า tundra เปลี่ยนสี ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่จะเร็วกว่าที่อื่นในอเมริกามาก จะเริ่มในต้นเดือนกันยายน ตัวรถ shuttle bus ของอุทยานเองเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนกันยายน ฉะนั้นถ้าจะมาชมใบไม้เปลี่ยนสีก็ต้องเป็นช่วงปลายฤดูท่องเที่ยวเลยครับ หลังจากนี้ในหน้าหนาวจะต้องสกี หรือใช้ snow mobile เท่านั้น และต้องขออนุญาตจากทางอุทยานก่อนด้วย เมื่อมา Denali หลายๆคนก็หวังจะได้เห็น Mount Mckinley ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือ แต่โอกาสที่จะได้เห็นนั้นก็ยากมากๆครับ เพราะช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมเป็นฤดูฝนของอลาสกา ฟ้าปิดเกือบๆ 75% ผมไป Denali สามครั้ง ไม่เห็น Mount Mckinley สักครั้งเดียวเลยครับ ถ้าอยากเห็นจริงๆต้องไปเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเดือนที่ฝนตกน้อยที่สุด (ไม่รู้ทำไม)
8. Glacier National Park, Montana
Glacier National Park เป็นสวรรค์ของคนชอบเดินป่าชมวิวครับ ที่นี่มี trail หลากหลายมาก โดยเฉพาะที่ Many Glacier ก็มี trail หลักๆและสวยมากอยู่ 3 อย่างแล้ว ผมแนะนำให้เดินหมดทั้งสามอย่างเลยครับ เรียงจากง่ายไปยากคือ Grinnell Lake, Iceberg Lake, Cracker Lake ครับ ส่วน Grinnell Glacier นั้นจะเดินยากหน่อย จะเดินแยกออกจาก Grinnell Lake ออกไป ผมไม่เคยไป แต่คิดว่าได้วิวที่สวยไม่แพ้กันครับ ช่วงเดือนที่เหมาะสมสำหรับที่นี่คือกรกฏาคมถึงกันยายนครับ โดยเฉพาะปลายเดือนกรกฏาคมถึงต้นสิงหาคม จะมีดอกไม้ป่าบานมากมาย ก่อนหน้านี้หิมะจะยังเยอะอยู่ พอหิมะละลายแล้วดอกไม้ก็พากันออกมาชูช่อ โดยเฉพาะที่ Logan Pass จะมีดอกไม้เยอะมากๆ สิ่งที่ห้ามพลาดอีกอย่างคือการขับรถชมวิวบนถนน Going-to-the-sun Road ครับ วิวสวยมากจริงๆ
9. Grand Canyon National Park, Arizona
Grand Canyon เหมือนเป็น the must ที่นักท่องเที่ยวต้องมากัน แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าที่นี่ถ่ายรูปยาก โดยเฉพาะ South rim ที่คนชอบไปกัน (ไม่นับ West rim นะครับ ส่วนนี้เป็นของเอกชน และชอบเก็บค่าเข้าจิปาถะมากมาย) จะสวยช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตกครับ ถ้าให้ผมเลือกไปแบบนักท่องเที่ยว ขับรถแวะถ่ายๆ ผมจะไป Canyonlands National Park ดีกว่าครับ อีกโซนนึงคือ North Rim (ซึ่งผมยังไม่เคยไป) ก็สวยเช่นกันครับ แต่จะปิดช่วงหน้าหนาว เปิดอีกทีปลายเดือนพฤษภาคมครับ ส่วน South Rim นั้นเปิดตลอดปีครับ แม้พายุหิมะจะลง ก็เปิดครับ 555 ส่วนหน้าร้อนควรเลี่ยงครับ การเที่ยวทะเลทรายหน้าร้อนเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ มันร้อนจนก้าวออกจากรถยังเหนื่อย ทำให้เที่ยวไม่สนุกเอาเสียเลย ที่ Grand Canyon นี้ยังมีอีก option นึงคือเดินจาก rim to rim ก็คือเดินลงไปใน canyon ลงไปต่ำสุดถึงแม่น้ำ Colorado แล้วก็เดินขึ้นไปอีกด้านนึง รวมแล้วระยะทางขาเดียวร่วมๆ 37km ครับ (ไกลไปไหม) แต่ trail นี้เป็น trail ที่หนังสือหลายๆเล่มยกแนะนำให้ติดอันดับต้นๆของอเมริกาเลยครับ
10. Grand Teton National Park, Wyoming
Grand Teton เป็นอุทยานที่ถ่ายภาพง่ายมาก ถ่ายตรงไหนก็สวยครับ (พูดจริง ฮาา) เพราะภูเขามันสวยและยิ่งใหญ่มาก ถ่ายได้ตลอดปี เพราะที่นี่ติด ski resort ครับ แม้ว่าช่วงหน้าหนาว ถนนก็ยังดี และนอกจากนี้ยังมีสนามบิน Jackson Hole อยู่ใกล้ๆอีกด้วย เดินทางสะดวก (แต่ค่าตั๋วแพงหน่อย) ช่วงปลายเดือนมิถุนายนจะมีดอกไม้บาน ช่วงปลายเดือนกันยายนมีใบไม้เปลี่ยนสี และช่วงเดือนมกราคมก็เป็นบรรยากาศหิมะคลุม สวยไปคนละบรรยากาศครับ จุดถ่ายภาพสำคัญคือ Snake River Overlook, River Bend (ใกล้ Jackson Lake Dam) และ Schwabacher Landing ซึ่งทั้งหมดนี้ถ่ายแสงเช้าทั้งหมดครับ ตัว Snake River สามารถถ่ายแสงเย็นได้ แต่จะย้อนแสงพอสมควรครับ
11. Great Sand Dunes National Park, Colorado
ที่นี่มีจุดถ่ายภาพไม่มากนัก ส่วนใหญ่คือ ถ่ายจากบน Sand Dunes เอง ก็ถ่ายจากไกลๆครับ และแน่นอนว่าถ่ายได้แค่แสงเย็นเท่านั้น เพราะตัว Sand Dunes ตั้งอยู่ทางตะวันตกของภูเขา ในช่วงเช้า ภูเขาจะบังแสงครับ
12. Joshua Tree National Park, California
ด้วยระยะทางประมาณ 3 ชั่วโมงจากแอลเอ ทำให้อุทยานแห่งนี้ไปไม่ยากมากครับ ชื่อของอุทยานก็ได้มาจากต้น Joshua Tree ซึ่งเป็นตะบองเพชรยืนต้นแบบหนึ่ง โดยรวมแล้วอุทยานแห่งนี้ไม่ค่อยมี landscape โดดเด่นอะไรมาก ช่างภาพส่วนมากจะมาถ่ายต้น Joshua Tree เป็นแบบซิลูเอตในช่วงเช้าหรือเย็น และอีกจุดนึงที่ไม่ควรพลาดคือ Cholla Cactus garden ซึ่งถ้ามาถ่ายแสงเช้าจะเห็นต้นตะบองเพชรเรืองแสง งามมากๆครับ แต่เดินไปต้องใส่รองเท้าหนาๆ ระวังลูกตะบองเพชรที่ตกอยู่ตามพื้นทิ่มเอาด้วยนะครับ
13. Kenai Fjord National Park, Alaska
Kenai Fjord เป็นอุทยานที่ไม่สามารถเที่ยวในใจกลางอุทยานได้เลยครับ เพราะว่าตัวอุทยานทั้งหมดเป็น Icefield หรือทุ่งน้ำแข็ง และอุทยานนี้เองก็ก่อตั้งมาเพื่อรักษาทุ่งน้ำแข็งนี้ไว้นั่นเอง มีตัวเลือกสองทางคือการนั่งเรือชมธารน้ำแข็ง สามารถเลือกได้หลายทัวร์ เรือทั้งหมดจะออกจากเมือง Seward ส่วนอีกตัวเลือกนึงคือ Exit Glacier ซึ่งเป็นส่วนเดียวของอุทยานที่มีถนนเข้าถึง และที่ Exit Glacier นี้ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นของ Harding Icefield Trail ที่ผมยกให้เป็น trail ที่เดินโหดแต่มันส์มากๆอันนึงของอเมริกาเลยครับ เพียงแค่ระยะทางเกือบๆ 4 miles เราต้องเดินขึ้นถึง 3000 ft และที่ปลายทางของ trail เราจะได้สัมผัสทุ่งน้ำแข็ง Harding Icefield ด้วยครับ
14. Mount Rainier National Park, Washington
Mount Rainier เป็นภูเขาที่เห็นได้แต่ไกล แม้แต่จากเมือง Seattle (ถ้าอากาศเปิดนะครับ) แต่ตัวอุทยานเอง ถนนจะปิดช่วงหน้าหนาว ช่วงที่แนะนำให้เที่ยวคือเดือนต้นเดือนถึงกลางเดือนสิงหาคมครับ โดยเฉพาะที่ Paradise เป็น the best เลย เพราะว่าหลังจากที่หิมะละลายหมดแล้ว ที่นี่มีดอกไม้ป่าขึ้นเยอะมากๆ เหมือนเป็น Paradise จริงๆ นอกจากนี้ถ้าอยากถ่ายรูปภูเขากับทะเลสาบ แนะนำ Reflection lake หรือ Tipsoo Lake สำหรับแสงเช้าทั้งคู่ครับ
15. Olympic National Park, Washington
ถ้าใครชื่นชอบป่าดึกดำบรรพ์ ต้องที่นี่เลยครับ มีต้นไม้ประดับด้วยมอสเขียวๆ นึกภาพถึงอ่างกาที่ดอยอินทนนท์แล้ว ที่นี่อลังการกว่าหลายเท่าตัวนัก ถ้าอยากได้ต้นไม้เขียวๆต้องมาช่วง Spring คือตั้งแต่เดือนเมษายนเรื่อยไปจนถึงมิถุนายนครับ หลังจากนี้ต้นไม้อาจจะไม่เขียวสดชื่นมากนัก นอกจากป่าดิบแล้ว ที่นี่ยังมีภูเขาหิมะ และทะเลสวยๆอีกด้วย จุดที่แนะนำคือ Hurricane Ridge ควรไปช่วงเดือนสิงหาคม น่าจะมีดอกไม้บาน ส่วนทะเลก็แนะนำ Shi Shi Beach (เดินไกล), Ruby Beach และ Rialto Beach ซึ่งส่วนมากก็จะมีกองหินกลางทะเลสวยๆเยอะครับ จุดท่องเทีย่วทางทะเลส่วนมากถ่ายแสงเย็น
16. Rocky Mountain National Park, Colorado
Rocky Mountain เป็นอุทยานที่เดินทางสะดวกครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นัก เพราะทาง Southwest Colorado นั้นสวยกว่า (แต่ไม่ได้เป็นอุทยานแห่งชาติ) จุดที่แนะนำสำหรับการถ่ายภาพคือ Dream Lake (แสงเช้า) ซึ่งต้องเดินเข้าไปพอสมควร นอกจากนี้ก็มี trail สุดโหดเพื่อขึ้น Longs Peak และถนนที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือชื่อ Trail Ridge Road ซึ่งวิวข้างทางก็สวยไม่แพ้ที่ไหนๆเลยครับ (แต่ Going-to-the-sun Rd ยังกินขาด 555)
17. Wrangell St. Elias National Park, Alaska
ถ้านับตามขนาดแล้ว Wrangell St. Elias เป็นอุทยานที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา แต่บริเวณที่เที่ยวได้โดยรถเข้าถึงนั้นมีแค่สองจุดเท่านั้น ที่เหลือเรียกได้ว่ายังดิบอยู่ล้วนๆครับ หากต้องการจะไปจุดอื่น ต้องเดินเท้า หรือนั่งเครื่องบินไปเท่านั้น จุดที่ผมได้ไปมาคือเหมืองเก่าชื่อ Kennecott ซึ่งอยู่ในกลางอุทยานเลยครับ ขับรถจากถนนใหญ่ประมาณสามชั่วโมงบนถนนลูกรังไปเรื่อยๆก็จะถึง นักท่องเที่ยวส่วนมากชอบมา Root Glacier ซึ่งที่นี่มี Ice Cave Exploration Tour ด้วยครับ ผมแนะนำว่าควรมาช่วงกลางซัมเมอร์ ประมาณเดือนกรกฏาคมน่าจะเหมาะสมที่สุด หากมาปลายเดือน อากาศอาจจะร้อนเกินไปจนถ้ำถล่มไปเสียก่อน
18. Yellowstone National Park, Wyoming
Yellowstone นี้เป็นอุทยานที่เรียกว่าดังที่สุดเป็น top 5 ของอเมริกาเลยครับ ช่วงที่เหมาะสมคือกรกฏาคมถึงกันยายน ซึ่งก็เป็นหน้าร้อนของที่นี่ จุดหลักๆที่แนะนำคือ Mammoth Hot Springs (แสงเช้า), Yellowstone Canyon (ไปถ่ายแสงเช้าที่ Artist Point) และ Grand Prismatic Springs ครับ ส่วน Old Faithful นั้นผมคิดว่าน่าสนใจ แต่ถ่ายรูปยากมาก นักท่องเที่ยวเยอะ ไปดูเอาสนุกครับ จริงๆแล้ว Yellowstone เป็นอุทยานที่เที่ยวได้ทั้งปี แต่ช่วงหน้าหนาวถนนจะปิด ต้อง Snowmobile เข้าไปเท่านั้น แต่ช่วงหน้าหนาว ประมาณเดือนมกราคมนี่แหละครับ สัตว์จะเยอะมากๆ ถือว่าเป็นสวรรค์ของช่างภาพสัตว์ป่าเลยทีเดียว ผมเองยังไม่เคยไปหน้าหนาวเลย คงต้องฝึกปรือฝีมือถ่ายภาพสัตว์เสียก่อนครับ ฮาๆ
19. Yosemite National Park, California
Yosemite เป็นอุทยานที่ผมไปบ่อยที่สุด เพราะติดใจ ชอบ landscape ที่นี่มากๆ ขอบอกว่าไปได้ทั้งปี และสวยทั้งปีครับ ถ้าให้จัดอันดับ ผมชอบไปหน้าหนาวมากที่สุด เพราะชอบหิมะสดใหม่เกาะบนต้นไม้ มันดูเหมือนได้บรรยากาศคริสต์มาสมากๆ และต้องไปจังหวะที่พายุเพิ่งผ่านไปใหม่ๆนะครับ หิมะจะได้นุ่ม และบางครั้งจะได้ภาพหมอกไหลเลียบหน้าผาอีกด้วย ถ้ามาช่วง Spring จะได้เห็นน้ำตกไหลแรงๆ และช่วงคืนวันพระจันทร์เต็มดวงในกลางเดือนพฤษภาคม จะเห็นช่างภาพมารอคอยถ่าย Moonbow หรือรุ้งกินน้ำที่เกิดจากแสงจันทร์ครับ นอกจากนี้ผมก็อยากแนะนำว่า กลางเดือนกุมภาพันธ์ (ซึ่งกำลังใกล้เข้ามาแล้ว) มี firefall หรือน้ำตกเพลิง ซึ่งเกิดจากแสงอาทิตย์ที่ทำมุมพอดี แต่ปีนี้อาจจะเห็นน้ำตกไม่สวยมากเท่าไหร่เนื่องจากภัยแล้งทั่วทั้งรัฐ Califonia ครับ ในเดือนอื่นๆนั้นก็สามารถถ่ายภาพได้ตลอด ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีประมาณปลายเดือนตุลาคม ต้นเดือนพฤศจิกายนก็สวย ช่วงต้นเดือนเมษายนมีหมอกเยอะ และมีลำแสงสาดน้ำตก Bridal Viel Falls ส่วนช่วงต้นเดือนพฤษภาก็มีดอก dogwood บานครับ ถ้าให้ list ทั้งหมดล่ะก็คงอีกยาวเลยทีเดียว 🙂
20. Zion National Park, Utah
Zion ก็เป็นอุทยานอีกแห่งหนึ่งที่ผมไปแทบทุกๆปีในช่วงสามปีให้หลังนี้ และไปช่วงเดิมตลอดคือต้นเดือนพฤศจิกายน เพราะที่นี่มีใบไม้เปลี่ยนสี และช่วงนี้คนยังน้อยอีกด้วย เดิน the narrows แล้วถ่ายรูปง่าย สบายใจ นักท่องเที่ยวจะเยอะช่วงหน้าร้อนครับ ใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่เป็นเอกลักษณ์มาก เพราะว่าจะได้ฉากหลังเป็นหน้าผาหินสีแดงๆ ที่ไม่ค่อยมีที่ไหนเหมือน เพราะทะเลทรายส่วนมากจะไม่ค่อยมีต้นไม้เปลี่ยนสีให้ถ่ายสักเท่าไหร่ครับ หากมีเวลาก็แนะนำว่าไป Bryce Canyon ควบคู่กันไปเลย
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ถ้ามีอะไรสงสัยสามารถถามผมได้โดยตรงใน facebook page ใน link ข้างบนเลยครับ