Yosemite National Park คืออุทยานแห่งชาติของอเมริกาที่ผมยกให้เป็นอันดับหนึ่งในใจ แม้ว่าจะไม่ใช่อุทยานที่คนมาเที่ยวมากที่สุด ในปี 2015 อยู่ลำดับที่ 4 จากข้อมูลของ National Park Services (อันดับหนึ่งคือ Great Smoky Mountains ตามมาด้วย Grand Canyon ส่วน Yellowstone นั้นอยู่อันดับ 5)ใน Blog ตอนนี้ผมจะพาไปเจาะลึก Yosemite Valley กันครับ ว่ามีอะไรที่ห้ามพลาดบ้าง และช่วงไหนของปี ต้องมาถ่ายอะไรบ้าง
สำหรับข้อมูลนั้นผมเรียบเรียงจากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ถ้าอยากอ่านเพิ่มเติม ผมแนะนำหนังสือของ Michael Frye (เจ้าพ่อ Yosemite รองจาก Ansel Adams) ชื่อ The Photographer’s Guide To Yosemite ซึ่งเป็น guidebook ที่ดีมากๆ ราคาก็ไม่แพง และยังมี iOS app ด้วย
ถ้าอยากเก็บ yosemite แบบคุ้มๆ ควรอยู่สัก 3 วัน 2 คืนครับ มาดูกันเลยดีกว่าว่าหลักๆมีอะไรบ้าง
1) Tunnel View
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.715539, -119.676727
จุดชมวิวจุดนี้เป็นจุดที่ดังที่สุดในอุทยานเลยครับ ใครมาที่ Yosemite ต้องห้ามพลาดที่จะแวะมาที่จุดนี้ ยิ่งถ้าขับรถมาทาง Highway 41 (มาจาก Fresno) พอลอดผ่านอุโมงค์เพื่อเข้า Yosemite Valley พอออกจากอุโมงค์ จะเห็นวิวนี้เป็นวิวแรก เหมือนเป็นสัมผัสแรกที่ได้เห็น Yosemite ซึ่งมันอลังการมากๆ และประทับใจสุดๆครับ ที่นี่ถ่ายได้ทั้งแสงเช้าและแสงเย็น แสงเย็นนั้นถ่ายได้ตลอดปี ถ้าเป็นต้นเดือนเมษายน พระอาทิตย์จะทำมุมพอดี บีบลำแสงเข้ามาฉายที่น้ำตก Bridalveil Falls ตอนแสงสุดท้ายด้วย ส่วนแสงเช้าผมแนะนำเป็นช่วงหน้าหนาว เพราะว่าพระอาทิตย์จะทำมุมเฉียงไปทางใต้ และแดดจะสาดบริเวณหน้าผา El Capitan พอดี
ช่วงเวลา: ตอนเช้าในฤดูหนาว และตอนเย็นได้ทั้งปี
2) Valley View
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.717153, -119.661855
เป็นมุมที่ดังอีกมุมนึง อยู่ไม่ไกลจาก Tunnel View แต่ถ้ามาจาก Tunnel View ไป Valley View จะต้องขับรถอ้อมเล็กน้อยเพราะทางเป็น one-way เสียส่วนมาก โดย Valley View นี้เป็นมุมยอดฮิตเพราะมีฉากหน้าสวยๆเป็นก้อนหินและกอหญ้าอยู่กลางแม่น้ำ Merced ซึ่งในหน้าหนาว ถ้าหิมะตกใหม่ๆ มุมนี้จะสวยมากๆ และเห็น El Capitan กับเงาสะท้อนแบบเต็มๆ จุดนี้จะต่างจาก Tunnel View ตรงที่ไม่เห็นน้ำตก Bridalveil Falls และไม่เห็น Half Dome เนื่องจากเป็นมุมต่ำ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการถ่ายภาพจะคล้ายกับ Tunnel View เพราะทิศทางเหมือนกัน
ช่วงเวลา: ตอนเช้าในฤดูหนาว และตอนเย็นได้ทั้งปี
3) River Bend
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.743461, -119.582885
จอดรถที่ Parking Lot A พิกัด 37.744079, -119.583306
คุ้งน้ำที่โค้งเป็นรูปตัว S อยู่ไม่ไกลจากที่จอดรถใหญ่ของ visitor ชื่อ Parking lot A จุดนี้นักท่องเที่ยวหลายคนมักมองข้าม เพราะทางอุทยานไม่ได้จัดทำไว้เป็นจุดชมวิวอย่างเป็นทางการ แต่มุมนี้เป็นมุมคลาสสิคอีกมุมนึงที่เห็นเงาสะท้อนของ Half Dome ที่สวยมากๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่พร้อมจะเปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง จุดนี้มาหน้าหนาวก็สวยไม่แพ้กันเลย หากมาถ่ายช่วงเช้าจะไม่มีแสง ต้องรอตอนสาย ให้พระอาทิตย์โผล่พ้นหน้าผา ก็จะได้ feeling ที่สวยไปอีกแบบ
ช่วงเวลา: ตอนสาย หรือ ตอนเย็น
4) Cook’s Meadow
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.744141, -119.590491
Cook’s Meadow เป็นชื่อเรียกรวมๆของบริเวณทุ่งหญ้ากว้างที่อยู่ตรงด้านหน้าน้ำตก Yosemite Falls อยู่ระหว่างถนนด้านเหนือ และด้านใต้ สามารถเดินเล่นได้โดยรอบ และมีมุมให้ถ่ายเยอะมาก เรียกได้ว่ารอบทิศทาง เห็นทั้งตัวน้ำตก และ Half Dome และยังเป็นจุดที่ถ่ายน้ำตก Yosemite Falls กับรุ้งกินน้ำที่เกิดจากแสงจันทร์ในคืนพระจันทร์เต็มดวง หรือ Moonbow ได้ดีอีกด้วย ผมเคยถ่ายภาพกลางคืนที่นี่ สามารถถ่ายดาวหมุนคู่กับ Yosemite Falls ได้พอดี
ช่วงเวลา: ทั้งวัน
5) Elm Tree
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.745638, -119.591172
จริงๆแล้ว Elm Tree ก็อยู่ในบริเวณ Cook’s Meadow นี่แหละครับ Elm Tree เป็นต้นไม้ใหญ่เก่าแก่ ตั้งอยู่กลางทุ่ง เปรียบเสมือนเป็นคุณปู่ของ Yosemite Valley เลยก็ว่าได้ ช่างภาพนิยมมาถ่าย Elm Tree คู่กับ Half Dome สัญลักษณ์ของ Yosemite แห่งนี้ในช่วงสายๆ มุมจะย้อนแสงนิดหน่อย มาเก็บ rim light ของต้นไม้ โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่ตอนปลายเดือนตุลาคมครับ
ช่วงเวลา: ตอนเช้า
6) ทุ่งหญ้าที่ Curry Village
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.740048, -119.572113 จอดรถที่ Curry Village แล้วเดินมา
ทุ่งหญ้าโล่งๆที่สามารถเห็น Half Dome ได้แบบเต็มๆตา ผมไม่แน่ใจว่าทุ่งตรงนี้มีชื่อหรือเปล่า เอาเป็นว่ามันอยู่ใกล้ๆกับ Curry Village แล้วกันครับ ผมเคยมาถ่ายช่วงหน้าหนาวก็สวยไปอีกแบบเหมือนกัน ยิ่งใช้เลนส์ไวด์ เก็บหน้าผารอบๆ พร้อมทั้ง Half Dome ด้วย จะสวยมาก
ช่วงเวลา: ตอนสาย ตอนเย็น ถ่ายดาวตอนกลางคืนก็ได้
7) Stoneman Bridge
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.740025, -119.574982 จอดรถที่ Curry Village เช่นกัน แล้วเดินมา
สะพานนี้อยู่ตรงสี่แยกทางเข้า Curry Village พอดีครับ ถ้ามาจาก Curry Village ให้เดินย้อนมาทาง one way road สักหน่อย แล้วหาทางลงไปริมน้ำ จุดนี้เป็นอีกมุมนึงที่ถ่าย Half Dome สะท้อนน้ำได้ และหน้าหนาวก็สวยมากๆครับ
ช่วงเวลา: ตอนสายๆ
8) Sentinel Bridge
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.743437, -119.589598
Sentinel Bridge เป็นสถานที่ที่นิยมมากๆ มีนักท่องเที่ยวแวะมาเสมอๆ เยอะกว่า Stoneman Bridge แบบหลายสิบเท่าตัวเลย ที่มุมนี้เราจะเห็น Half Done สะท้อนน้ำได้เช่นกัน ถ้ามาช่วงกลางวันจะเห็นคนมาชอบวาดรูปที่นี่ เพราะมุมนี้เป็นมุมสุดคลาสสิคของอุทยานนั่นเอง
ช่วงเวลา: สายๆ หรือช่วงเย็น
8) Swinging Bridge
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.737083, -119.600263
ชื่อสะพานฟังดูให้ไปสวิงกิ้ง 555 ตัวชื่อฟังดูเหมือนเป็นสะพานที่พาดข้ามแม่น้ำที่แกว่งได้ แต่ตัวสะพานเองไม่ได้เป็นสะพานแขวน หรือขยับได้แต่อย่างใด คาดว่าชื่อคงมาจากตัวสะพานในสมัยก่อน ปัจจุบันตัวสะพานแข็งแรงดีมากๆครับ จุดที่ผมแนะนำให้มาถ่ายคือมุมที่เราจะได้เงาสะท้อนของ Yosemite Falls นี่เอง จากที่จอดรถ ซึ่งมีป้ายบอกทางชัดเจน ให้เดินข้ามสะพานไป แล้วลงไปทางริมน้ำด้านขวา จะมีมุมให้ถ่ายเงาสะท้อนได้ครับ ช่วงเช้าจะได้แสงแรกกระทบกับน้ำตก สวยมากๆ แต่ต้องเป็นหน้าหนาวนะครับ เพราะหน้าร้อน พระอาทิตย์จะขึ้นเฉียงไปทางเหนือ และแดดไม่ลงที่ตัวน้ำตก
ช่วงเวลา: ตอนเช้าในหน้าหนาว
9) Cathedral Beach
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.722913, -119.622864
พิกัดที่จอดรถ 37.722686, -119.620846
Cathedral Beach จริงๆแล้วเป็น Picnic area แต่ก็เป็นจุดถ่ายภาพที่ช่างภาพนิยมมาเช่นกัน ที่จุดนี้ สามารถเห็นได้ทั้ง Three Brothers ซึ่งเป็นยอดเขาสามยอดเรียงกันเหมือนสามพี่น้อง และทางด้านซ้ายจะเห็น El Capitan สุดอลังการ มุมนี้จะเห็น El Capitan ในมุมเฉียงๆนิดหน่อย ฟิลลิ่งจะตรงข้ามจากที่เห็นจาก Tunnel View หรือ Valley View ผมอยากได้จังหวะที่ต้นไม้มีหิมะเกาะมากๆ แต่ไม่เคยได้จังหวะนั้นสักที
ช่วงเวลา: ตอนเช้าในหน้าหนาว
10) El Capitan reflection
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.721630, -119.638806
พิกัดที่จอดรถ 37.721249, -119.639980
มุมนี้ผมเพิ่งหาเจอไม่นานนี้ จากที่เคยเห็นภาพมาหลายครั้งแล้ว พยายามหาแต่ก็ขับรถเลยไปตลอด ที่จุดนี้ เราจะได้เห็นความอลังการของหน้าผา El Capitan ที่ตั้งชันดิ่งๆถึง 3500 ฟุต เป็นมุมตรง เห็นความตั้งชันของหน้าผา El Capitan แบบเต็มที่ มีเงาสะท้อนบน Merced River และมีต้นไม้งามๆเป็นฉากหน้า มาฤดูไหนก็สวยหมดครับ หน้าร้อน ต้นไม้สีเขียว มาหน้าหนาว ต้นไม้ประดับประดาไปด้วยหิมะก็สวยไปอีกแบบ
ช่วงเวลา: บ่าย
11) Yosemite Falls
พิกัดจุดถ่ายภาพหลัก 37.746078, -119.596277
หากผมไม่เกริ่นถึงน้ำตก Yosemite ก็คงจะไม่ได้ เพราะน้ำตกนี้เป็นน้ำตกที่เป็น landmark หลักของอุทยานแห่งนี้ และยังเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะสูงเป็นอันดับ 3 ของโลกด้วยครับ จริงๆแล้วน้ำตก Yosemite นี้ถ่ายได้หลายมุมมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Cook’s Meadow หรือ Swinging Bridge และจุดหลักที่นักท่องเที่ยวนิยมไป จะเป็น hiking trail ที่เดินไปถึง Lower Yosemite falls ส่วน trail ที่เดินไปถึง Upper Yosemite Falls นั้นจะไกลกว่า และชันกว่ามาก โดยเทรลนี้จะเดินขึ้นไปถึงยอดน้ำตกเลยครับ แต่ถ้าหากต้องการแค่ไปชมตัว Upper Yosemite Falls แบบใกล้ๆ ไปถึงแค่ครึ่งทางก็เพียงพอครับ
ช่วงเวลา: ได้ทั้งวัน
ภาพจาก trail ขึ้นไป Upper Falls
นอกจากนี้ Yosemite Falls ยังสามารถถ่ายรุ้งกินน้ำได้อีกด้วย ซึ่งสามารถถ่ายได้ทั้งเวลากลางวัน โดยรุ้งช่วงกลางวันนั้นจะเกิดในช่วงฤดูหนาว ถ้าถ่ายตอนเช้า เราจะต้องให้พระอาทิตย์อยู่ด้านหลัง และเนื่องด้วยพระอาทิตย์หน้าหนาวขึ้นมาเฉียงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้จุดที่ถ่ายภาพรุ้งกินน้ำจากแสงอาทิตย์ ต้องถ่ายทำมุมเฉียงไปทางตะวันออกเล็กน้อย จุดที่ถ่ายได้จะอยู่ตามแนวถนนที่เชื่อมจาก Sentinel Bridge กับ Yosemite Village เรื่อยไปจนถึงทางเข้า Parking Lot A ครับ
รุ้งกินน้ำที่ Yosemite ในช่วงเช้าหน้าหนาว
ส่วนรุ้งกินน้ำอีกแบบที่มีความพิเศษมากๆก็คือ รุ้งกินน้ำที่เกิดจากแสงจันทร์ หรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า Moonbow นั่นเอง เจ้า Moonbow นี้โอกาสเห็นจะยากกว่าสักหน่อย เพราะแสงจันทร์มีความเข้มแสงน้อยกว่าแสงอาทิตย์มากๆ ทำให้โอกาสที่จะเห็น Moonbow นั้นต้องเป็นคืนวันพระจันทร์เต็มดวง และไร้เมฆ และตัวน้ำตกเองก็จะต้องมีปริมาณน้ำที่มากพอที่จะเกิดละอองน้ำ เพื่อจะเกิดรุ้งกินน้ำได้ และนอกจากนี้ พระจันทร์ต้องทำมุมพอเหมาะอีกด้วย ฉะนั้นวันที่เหมาะสมที่สุดที่จะเห็น Moonbow จึงมีแค่ 2-3 วันต่อปี นั่นคือคืนวันพระจันทร์เต็มดวงในช่วงปลายเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนมิถุนายนเท่านั้น สำหรับช่วงเวลาถ่ายจะอยู่ประมาณสามสี่ทุ่มครับ ตามดูได้จาก prediction ที่อาจารย์จากมหาลัย texas ได้ทำไว้แล้ว เค้า predict ให้ทุกปีเลยครับ
Moonbow ในเดือนเมษายน จริงๆถ้าถ่ายอีกภาพนึงเป็นดาวหมุนแล้วมาซ้อนรวมกันจะงดงามมากๆเลยครับ
12) Yosemite Chapel
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.741186, -119.591983
โบสถ์เล็กๆ ไม่มีอะไรพิเศษ แต่คลาสสิคมาก โดยเฉพาะวันที่หิมะตกครับ โบสถ์นี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Sentinel Bridge สามารถเดินมาได้ โลเกชั่นก็ดีมากๆ เห็นน้ำตก Yosemite Falls และด้านหลังเป็นหน้าผาสูงเกือบ 700 เมตร แนะนำให้มาถ่ายช่วง twilight หลังพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า และตัวโบสถ์จะเปิดไฟด้านหน้าครับ
ช่วงเวลา: twilight หลังพระอาทิตย์ตก
13) Bridalveil Falls
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.717086, -119.647768
น้ำตกที่มองเห็นได้จาก Tunnel View ซึ่งน้ำตกนี้สามารถเดินไปถึงตีนน้ำตก สัมผัสละอองน้ำได้เลย มีเทรลที่สะดวกและเดินง่ายมากๆ ถ้าต้องการถ่ายรุ้งกินน้ำกับน้ำตกจาก Tunnel View สามารถถ่ายได้ประมาณบ่ายสองของเดือนกุมภาพันธ์ครับ พระอาทิตย์จะทำมุมพอดี
ช่วงเวลา: บ่าย
14) Horsetail Falls
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.727612, -119.608717
พิกัดที่จอดรถ 37.727148, -119.608873
น้ำตกสายเล็กๆที่ไหลเฉพาะปลายฤดูหนาว ต้นน้ำมาจากหิมะที่ละลาย น้ำตกนี้พิเศษมากเพราะช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีจะมีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Firefall ในช่วงพระอาทิตย์ตก แสงอาทิตย์ทำมุมกับน้ำตกและเรืองแสงเป็นสีส้ม เป็นน้ำตกเพลิง เหมือนเป็นลาวาไหลลงมาจากหน้าผา ภาพด้านล่างนี้ถ่ายด้วยเลนส์เทเล 80-200mm ที่ 155mm ครับ ก็ถือว่าเป็นระยะที่ไม่ต้องใช้เลนส์ซูมมากสุดๆ เพราะตัวน้ำตกเองมันสูงมากอยู่แล้ว รายละเอียดนั้นติดตามได้จาก blog ของผมครับ
จริงๆแล้ว Horsetail Firefall สามารถถ่ายได้อีกจุดนึงที่ El Capitan Picnic Area โดยจะเป็นมุมที่เสยขึ้นมากกว่าพิกัดที่ให้ไปข้างต้นครับ
15) El Capitan Bridge
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.724021, -119.631347
หากดูแผนที่ของ Yosemite จะพบว่าถนนจะมีหลักๆสองเส้นคือด้านเหนือและด้านใต้ และถนนสองเส้นนี้เป็นถนนเดินรถทางเดียว ใน Yosemite Valley ก็เลยมีทางเชื่อมให้วนรถระหว่างถนนสองเส้นได้ และ El Capitan Bridge นี้ก็อยู่ตรงทางเชื่อมที่อยู่ด้านตะวันตกครับ ตรงจุดนี้เราสามารถเห็นเงาสะท้อนของ El Capitan ได้ตามชื่อสะพานเลย และก็ยังเห็นเงาสะท้อนของ Cathedral Rock ได้อีกด้วย
ช่วงเวลา: ตอนเช้าฤดูร้อน หรือตอนบ่ายฤดูหนาว
16) Cathedral Rock
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.727456, -119.624909
นอกจาก El Capitan Bridge จะสามารถถ่าย Cathedral Rock ได้แล้ว ยังมีที่จอดรถเล็กๆอีกจุดนึงที่อยู่ตรง Northside Road (ถนนทางด้านเหนือ) ตรงนี้จะเป็นที่ราบกว้างๆเปิดโล่ง เห็น Cathedral rock เต็มๆ ถ้าโชคดีมีน้ำขังในทุ่งหญ้า ก็สามารถถ่ายเงาสะท้อนของ Cathdral Rock ได้อีก จุดนี้เป็นจุดที่ผมแนะนำในช่วงฤดูร้อน เพราะแดดจะเข้ามาทางด้านเหนือ แสงสาดโดนหน้าผาทางด้านใต้ และ Cathedral Rock ก็เป็น landmark จุดเดียวที่อยู่ด้านใต้ครับ จุดอื่นๆ เช่น Yosemite Fall, El Capitan, และ Three Brothers อยู่ทางด้านเหนือหมด (เหมาะสำหรับการมาถ่ายช่วงหน้าหนาวมากกว่า)
ช่วงเวลา: ตอนเช้าในฤดูร้อน
17) Glacier Point
อันนี้ยกเว้นไว้หนึ่งอัน เพราะไม่ได้อยู่ใน Yosemite Valley การเดินทางต้องขับรถออกไปถนนเส้น 41 ผ่าน Tunnel View แล้วแยกขึ้น Glacier Point Road ผ่าน Badger Ski area รวมระยะเวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาทีจาก Yosemite Valley ถึง Glacier Point ที่จุด Glacier Point นี้ เราจะเห็น Half Dome ใกล้มากๆ และเห็น Yosemite เบื้องล่างทั้งหมด สามารถมาได้ตั้งเช้าและเย็น และยังเหมาะกับการถ่ายภาพกลางคืน ถ่ายทางช้างเผือกด้วย
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือเดือนพฤษภาคม ปกติถนนเส้นนี้จะปิดในช่วงหน้าหนาว เดือนพฤษภาคมส่วนมากจะถนนจะเปิดแล้วครับ และช่วงเดือนนี้ในตอนเช้า พระอาทิตย์จะขึ้นหลัง Half Dome พอดี และพระอาทิตย์ตกก็จะทำมุมฉากกับด้านหน้าตัดของ Half Dome พอดีด้วย ทำให้แสงสุดท้ายมีความเข้มมากที่สุด และสีสดมากที่สุดของปี นอกจากนี้ทางช้างเผือกยังมีความสูง และโค้งพอดีรับกับ Half Dome
พิกัดจุดถ่ายภาพ 37.726339, -119.573528
ช่วงเวลา เช้า เย็น กลางคืน (แนะนำช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน)
จริงๆแล้วจุดชมวิวเล็กๆยิบย่อยยังมีอีกมากมายนะครับที่ผมไม่ได้กล่าวถึง ขับรถแวะที่จอดข้างทางเล็กๆ หรือเดินอีกหน่อย อาจจะมีมุมสวยที่อาจจะคาดไม่ถึงครับ
เพียงเท่านี้ก็สามารถถ่ายภาพได้หลายวันแล้ว ผมแนะนำควรมาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน จะเก็บจุดหลักๆได้ครับ ได้แสงเช้า 2 ครั้ง และแสงเย็น 2 ครั้ง
แล้วคุณจะหลงรัก Yosemite แบบที่ผมหลงรักครับ 🙂